นราธิวาส - เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยไทย-มาเลเซีย ยังคงระดมกำลังร่วมค้นหาเด็กชาวมาเลเซีย ซึ่งจมน้ำหายจากเหตุเรือล่มกลางแม่น้ำโก-ลก พบน้ำเชี่ยวกรากเป็นอุปสรรคสำคัญสุด ด้าน นอภ.สุไหงโก-ลก สั่งกำชับผู้ประกอบการเรือคำนึงความปลอดภัยผู้โดยสาร ย้ำผู้ปกครองดูแลบุตรหลานใกล้ชิดหวั่นลงเล่นน้ำเกิดอันตราย
วันนี้ (5 ต.ค.) ความคืบหน้าจากกรณีเรือโดยสารของประเทศมาเลเซียล่มกลางแม่น้ำโก-ลก ขณะนำผู้โดยสารชาวมาเลเซียกลับจากเข้ามาซื้อของที่ตลาดมูโนะ จนเป็นเหตุให้ 3 แม่ลูกชาวมาเลเซียจมหายไปในแม่น้ำโก-ลก และผลจากการที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพ-กู้ภัย มูลนิธิเซิ่งหมู่ธารน้ำใจสุไหงโก-ลก ร่วมกับทีมกู้ภัยจากประเทศมาเลเซีย ได้จัดทีมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และค้นหาผู้สูญหายตลอดทั้งวันของวานนี้ (4 ต.ค.) พบเพียงศพของผู้เป็นแม่ คือ Mrs.Rosmiwati Zakariaส่วนบุตรชาย และบุตรสาวอีก 2 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ประเทศยังคงออกเรือเพื่อค้นหาในแม่น้ำโก-ลกตลอดสาย แม้สายน้ำจะไหลเชี่ยวกรากจนเป็นอุปสรรคต่อการค้นหา
จากเหตุสลดใจดังกล่าว นายเจษฎา จิตรัตน์ นายอำเภอสุไหงโก-ลก ได้กำชับผู้ประกอบการเรือข้ามฟากริมแม่น้ำโก-ลก ตลอดแนวให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยจากการประเมินเรือที่ให้บริการในพื้นที่จะรับผู้โดยสารไม่เกิน 10 คนต่อเที่ยว ดังนั้น จึงไม่ให้รับผู้โดยสารเกินไปจากนี้ และต้องจัดเตรียมเสื้อชูชีพพร้อมให้ผู้โดยสารสวมไว้ตลอดการเดินทาง ขณะที่ผู้โดยสารก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในชีวิต และป้องกันการเกิดเหตุเรือล่มซ้ำรอยขึ้นอีก
นอกจากนี้ ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก ควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดในช่วงปิดภาคเรียน งดเว้นการให้ลงเล่นน้ำในแม่น้ำโก-ลกอย่างเด็ดขาด เนื่องจากในห้วงนี้ปริมาณฝนที่ตกอย่างหนักได้ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโก-ลกเพิ่มสูงขึ้น และน้ำไหลเชี่ยวจนแม้แต่ผู้ที่ว่ายน้ำเก่งก็อาจได้รับอันตรายถึงชีวิตได้