นราธิวาส - เรือข้ามฟากระหว่างไทย-มาเลเซีย ล่มกลางแม่น้ำสุไหงโก-ลก 3 แม่ลูกชาวมาเลย์จมหายกับกระแสคลื่น ล่าสุด พบศพผู้เป็นแม่ ส่วนลูกอีก 2 ราย ยังไร้วี่แวว ส่วนสาเหตุเรือล่มในครั้งนี้มาจากบรรทุกผู้โดยสารเกินความจุของเรือ
วันนี้ (4 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุเรือหางยาวซึ่งดัดแปลงติดเครื่องยนต์ ของชาวประเทศมาเลเซีย ซึ่งดำเนินการใช้บริการเป็นเรือข้ามฟากในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ระหว่างฝั่งไทยกับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เกิดล่มที่ฝั่งประเทศมาเลเซีย จากสภาวะน้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยวกราก ส่งผลทำให้ 3 แม่ลูกชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นหญิง 2 คน ชาย 1 คน จมหายไปกับกระแสน้ำ เหตุเกิดท่าข้ามฟากจุดผ่อนปรน ริมน้ำบ้านมูโน๊ะ ม.1 ต.มูโน๊ะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
โดยเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยรัฐกลันตัน และมูลนิธิธารน้ำใจสุไหงโก-ลก รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ได้ใช้นักประดาน้ำร่วมกันค้นหาเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง พบศพหญิงชาวมาเลเซียไม่ทราบชื่อ และนามสกุล อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งทางมาเลเซียได้นำศพขึ้นฝั่งเพื่อส่งมอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทำการชันสูตรพลิกศพ ก่อนที่จะประสานญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา
ส่วนลูกชาย และลูกผู้หญิงอีก 2 คนนั้น คาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว ต่อมา ญาติที่เดินทางมาด้วยกันได้แจ้งว่า บุคคลที่จมน้ำหายไปในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ประกอบด้วย นางโรสมีวาตี ซาการียา (Mrs.ROSMIWATI ZAKARIA) อายุ 36 ปี ด.ช.นายมูหัมหมัดฮาบีบ นาวฟาน (Mr.MOHD HABIB NAUFAL) อายุ 6 ปี และ ด.ช.ดีนา นัลยา (Ms.DEENA NALYA) อายุ 10 ปี
โดยพบร่างของ Ms.DEENA NALYA แล้ว 1ศพ ซึ่งญาติขอนำศพกลับประเทศมาเลเซียทันทีที่นำร่างขึ้นมาได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ยุติภารกิจ และจะมาค้นหาศพเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากในเวลากลางคืนทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ ได้ประสานไปยังทางการมาเลเซีย ให้ร่วมค้นหาอีกทางหนึ่ง
จากการสอบถามเจ้าของเรือหางยาวที่ดัดแปลงติดเครื่องยนต์ชาวมาเลเซีย ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิต และครอบครัว รวม 3 คน และมีผู้โดยสารรวม 17 คน ได้ใช้บริการนั่งเรือข้ามฟากเดินทางมาฝั่งไทย เพื่อซื้อหาอาหาร และเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อนำไปประกอบอาชีพในช่วงวันฮารีรายอ และในระหว่างที่นั่งเรือข้ามฟากอยู่นั้น ได้เกิดกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกีากพัดเรือข้ามฟากจนไม่สามารถบังคับเรือเอาไว้ได้ จนกระทั่งเรือล่มก่อนถึงฝั่งรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ประมาณ 4 เมตร ตนก็ได้กระโดดลงน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ส่วน 3 แม่ลูกซึ่งว่ายน้ำไม่เป็นได้จมหายไปกับกระแสน้ำ
นายรอปา อีซอ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมูโนะ กล่าวว่า เรือที่เกิดเหตุเป็นเรือของฝั่งมาเลเซียที่นำผู้โดยสารข้ามมาซื้อสินค้าที่ตลาดมูโนะตามปกติ แต่เนื่องจากช่วงนี้ใกล้เข้าสู่เทศกาลอารีรายออิดิ้ลอัฎฮา จึงทำให้มีผู้ใช้บริการเรือหนาแน่น จนมีการรับผู้โดยสารเกินกำหนด คือ มากถึง 17 คน ทั้งที่เรือสามารถรับผู้โดยสารได้เพียง 10 คนเท่านั้น ประกอบกับไม่ได้ให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพตามมาตรฐานการให้บริการเรือโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะในห้วงนี้ที่กระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากจนคนขับเรือไม่สามารถบังคับเรือได้จนเกิดเหตุสลดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีผู้โดยสารส่วนหนึ่งที่ขอเดินทางข้ามฝั่งกลับประเทศมาเลเซียทันที จึงยังไม่ชัดเจนว่าบุคคลที่สูญหายไปนั้นจะเดินทางข้ามฝั่งไปแล้วด้วยหรือไม่ ซึ่งได้ขอให้ทางญาติโทร.ประสานญาติที่ประเทศมาเลเซียให้ติดตามด้วยอีกทางหนึ่ง
นายรอปา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้คงต้องออกมาตรการคุมเข้มการนั่งเรือโดยสารข้ามฟาก ทั้งการห้ามผู้โดยสารขึ้นเรือเกิน 8 คน และทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพทุกครั้งที่ใช้บริการของทั้ง 2 ประเทศ หลังจากที่ผ่านมา ควบคุมเฉพาะเรือที่ให้บริการจากฝั่งตลาดมูโนะเท่านั้น