ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เดินสายให้ความรู้เวทีสัญจรต่อเนื่อง ล่าสุด “หมอสุภัทร” นำทีมพบปะเครือข่ายชาวพุทธชายแดนภาคใต้ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง บรรยายให้ความรู้ด้านการปฏิรูปพลังงาน เผยมีการตอบรับดีเยี่ยม ด้านครูสอนคอมพิวเตอร์ชื่อดังใน อ.หาดใหญ่ ชี้กระแสตอบรับในโซเชียลมีเดียยังโตต่อเนื่อง ลั่นผู้มีอำนาจต้องฟัง
ผู้สื่อข่าวรายงานสรุปความเคลื่อนไหวของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ล่าสุด ยังเป็นการสื่อสารกับเครือข่ายผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในหน้าแฟนเพจขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เนื้อหาส่วนใหญ่เน้นให้การเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสาธารณชน พร้อมทั้งเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนไหวรณรงค์ปฏิรูปพลังงาน หลังจากเครือข่ายขาหุ้นฯ ถูกทหารสั่งห้ามไม่ให้เดินต่อในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
ขณะที่ช่วงค่ำของเมื่อวานที่ผ่านมา (19 ก.ย.) เครือข่ายขาหุ้นฯ สงขลา จำนวน 3 คน ที่เคยถูกทหารควบคุมตัวไปปรับทัศนคติที่ค่ายเสนาณรงค์ ได้แก่ นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ นายเชภาพร จันทร์หอม นายพร้อมศักดิ์ จิตจำ ได้เดินทางไปร่วมกิจกรรมยามค่ำกับเครือข่ายคนพุทธจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมาจัดกิจกรรมของเครือข่ายในระหว่างวันที่ 19-21 ก.ย. 2557 ที่โรงแรมหาดแก้วรีสอร์ท อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา
โดยในช่วงเวลาหลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว เครือข่ายคนพุทธจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้จัดเวทีเสวนาขาหุ้นสัญจรนัดพิเศษ ในโอกาสครบรอบ 1 เดือน ขาหุ้นฯ เริ่มเดินเท้าออกจากหาดใหญ่ มีการบรรยาย และแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการปฏิรูปพลังงาน
นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ เปิดเผยว่า หลังจากที่ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานได้ยุติภารกิจการเดินวันละโยชน์ลงชั่วคราว หลังจากที่เดินถึงชุมพร และหันมาใช้กลยุทธ์การสื่อสารกับพี่น้องที่มีความสนใจในประเด็นพลังงานผ่านในทุกโอกาสที่มี เพื่อสร้างความตื่นตัว และเพาะเมล็ดพันธุ์ขาหุ้น สร้างความเข้าใจต่อประเด็นข้อเรียกร้องทั้ง 5 ประการของขาหุ้นฯ
ซึ่งบรรยากาศการแลกเปลี่ยนในเวทีขาหุ้นสัญจรนัดพิเศษเมื่อคืนที่ผ่านมานี้มีความตื่นตัวอย่างมาก ประชาชนจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้จะทนทุกข์ต่อเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่ก็พร้อมร่วมสู้ และให้กำลังใจแก่คนไทยทั้งประเทศ ในการขับเคลื่อนหยุดการสัมปทานใหม่โดยขอให้เปลี่ยนมาเป็นระบบการแบ่งปันผลผลิต ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเพราะไม่สะอาด หลอกลวง
“การตั้งบริษัทน้ำมันแห่งชาติขึ้นมาใหม่แทน ปตท.ที่เป็นเอกชนที่มุ่งแสวงหากำไรเพื่อผู้ถือหุ้นไม่ใช่เพื่อประชาชน ได้รับการตอบสนองจากผู้เข้าร่วมเวที รวมทั้งยังเห็นด้วยต่อการแยกโซนนิ่งพื้นที่ขุดเจาะน้ำมันออกจากพื้นที่ผลิตอาหาร และแหล่งท่องเที่ยว”
นพ.สุภัทร กล่าวและว่า หลังใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเสวนา เครือข่ายคนพุทธฯ ที่เข้าร่วมการเสวนากว่า 80 คน ได้ร่วมกันถ่ายรูปเพื่อยืนยันเจตนารมณ์มาฝากขาหุ้นฯ และพี่น้องทั้งประเทศ และพระอาจารย์ทั้ง 3 รูป ที่ร่วมเสวนาด้วยได้เรียก 3 ขาหุ้นฯ ไปให้พร ผูกสายสิญจน์ให้ มอบพระเครื่องให้คนละ 2 องค์ เพื่อคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง และขอให้โชคดีมีชัยในการผลักดันการปฏิรูปพลังงานให้สำเร็จดังตั้งใจ
“ปฏิบัติการเพาะเมล็ดพันธุ์ขาหุ้น และสร้างกระแสรณรงค์นั้น เป็นสิ่งที่ขาหุ้นทุกคนจะร่วมกันทำสร้างกิจกรรม หรือไปร่วมกิจกรรมที่มีอยู่แล้ว เพื่อขยายแนวคิดนี้ให้มากที่สุด ไม่เฉพาะในสงขลา หรือภาคใต้ แต่กำลังจะขยายไปทั่วประเทศ สำหรับกิจกรรมครั้งต่อไปจะจัดที่ใด ขออุบไว้ก่อน เพื่อความไม่ประมาท และไม่ถูกสกัดกั้นจากความหวาดกลัวเกินกว่าเหตุของผู้มีอำนาจ”
ด้าน นายสุรินทร์ นุ่นแก้ว ครูสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนไทยคอม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือ “ครูใหญ่ไทยคอม” ที่เปิดอบรมให้ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ และการใช้อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดียออนไลน์ ให้แก่ภาคประชาชนใน จ.สงขลา กล่าวว่า การรรณงค์ปฏิรูปพลังงาน หลังจากมีการเคลื่อนไหวของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ได้สร้างความตื่นตัวในกลุ่มประชาชนทั่วไปอย่างกว้างขวาง และเติบโตอย่างก้าวกระโดด
“ผมมองว่าประชาชนทั่วไปเริ่มมีจิตสำนึกกลับมาเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการบริหารจัดการทรัพยากรของชาติอย่างชาญฉลาด และมีความเป็นธรรม ส่วนตัวเปรียบเทียบได้จากการใช้โซเชียลมีเดียซึ่งก่อนหน้านี้สิ่งที่ผมได้แลกเปลี่ยนกับสาธารณะพบว่า มีการตอบสนองจากแวดวงผู้ใช้ในแต่ละประเด็นอัตรา 100 -200 คน ตอบสนองด้วยการกดไลก์ หรือถูกใจ แต่หลังจากมีการเคลื่อนไหวประเด็นปฏิรูปพลังงานของขาหุ้น ด้วยสัญลักษณ์ปลาเขียว การตอบสนองดังกล่าวเพิ่มเป็น 2 เท่าตัวทันที และยังมีประเด็นคอมเมนต์ที่น่าสนใจ เพราะส่วนใหญ่มีความหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะพลังงาน” ครูใหญ่ไทยคอม กล่าวและว่า
ปรากฏการณ์นี้น่าจะส่งผลต่อผู้มีส่วนรับผิดชอบได้ฉุกคิดจากกระแสดังกล่าว และยอมรับว่า ประชาชนทุกสาขาอาชีพได้เข้าสู่ระบบการสื่อสารออนไลน์ จึงเกิดการเรียนรู้ และมีความเท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงจากนโยบายรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องใกล้ตัวตามวิถีชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกลุ่มแวดวงลูกศิษย์ของครูใหญ่ไทยคอม ล้วนแต่เป็นบุคคลที่ใช้ชื่อ และนามสกุลจริงในการใช้โซเชียลมีเดียออนไลน์ มีตัวตนจริง มีความน่าเชื่อถือ และผู้มีอำนาจต้องรับฟัง