ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต หอบเอกสารแจ้งความดำเนินคดีเอกชนในข้อหาแจ้งความเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และข้าราชการฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยร่วมกันออกเอกสารสิทธิที่ดิน กว่า 80 ไร่ เขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ พร้อมแจ้งความดำเนินคดีผู้บุกรุกครอบครองที่ดินแปลงใหญ่อีก 2 แปลง เนื้อที่รวมเกือบ 200 ไร่ หลังกรมที่ดินแจ้งยกเลิกกับขอออกโฉนดเหตุตรวจพบเป็น ส.ค.1บิน
นายกิตติพัฒน์ ธาราพิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ภูเก็ต นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรถลาง ต่อข้าราชการ อดีตข้าราชการ และเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 42053 จำนวน 80 ไร่ และโฉนดเลขที่ 42054 จำนวน 8 ไร่ โดยมีการออกโฉนดไปเมื่อปี 2552 ซึ่งใช้หลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 24 หมู่ 2 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มาขอออกเอกสารสิทธิ โดยมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 13 คน มี พ.ต.ท.พีรพันธ์ มีมาก หัวหน้างานสอบสวน สภ.ถลาง เป็นผู้รับแจ้ง โดยเข้าแจ้งความเมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับการแจ้งความในครั้งนี้ แยกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของผู้ครอบครอง ซึ่งมีการเปลี่ยนมือไปแล้ว และในส่วนของพยานที่รวมลงนาม เป็นการแจ้งความดำเนินคดีตามประมาลกฎหมายอาญา มาตรา 137 เป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีหลายส่วน ทั้ง นายช่างรังวัดที่ดิน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้ใหญ่บ้าน ปลัดอำเภอ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอถลาง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในสมัยที่มีการออกเอกสารสิทธิที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าว แจ้งความดำเนินคดีตามประมาวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 162 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่จัดทำเอกสารข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ ซึ่งในส่วนจากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่นั้น พบว่า ส.ค.1 เลขที่ 24 นั้นเป็นเอกสารที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็น ส.ค.1 ที่บินมาจากที่อื่น ซึ่งทางกรมที่ดินได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นเอกสารที่ไม่ถูกต้อง และจากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพบว่ามีการสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาเพื่อให้อออกโฉนดที่ดินให้ได้
ตนในฐานะหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมอุทยานฯ ให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติสิรินาถที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งยืนยันว่าการแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้ไม่เลือกปฏิบัติ เพราะแม้แต่คนของอุทยานฯ เองก็ต้องถูกแจ้งความดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และเป็นไปตามพยานหลักฐานที่ตรวจพบ รวมทั้งการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศ อย่างไรก็ตาม นอกจากจะมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ในส่วนของข้าราชการนั้นจะมีการส่งเรื่องให้แก่ทางปปง. และ ป.ป.ช.เข้ามาดำเนินการด้วย
นายกิตติพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากจะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ดิน จำนวน 2 แปลงดังกล่าวแล้ว ตัวเองยังเดินทางเข้าแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าฉัตรไชน เพื่อให้ดำเนินการต่อผู้บุกรุกครอบครองที่ดิน แผ้วถางป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ หมู่ 2 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ตอีก 1 ราย เนื้อที่จำนวน 2 แปลง ซึ่งผู้ที่เข้าไปบุกรุกครอบครองพื้นที่ดังกล่าวนั้นได้นำเอกสาร ส.ค.1 เลขที่ 44 จำนวนเนื้อที่ 80 กว่าไร และ ส.ค.1 เลขที่ 45 เนื้อที่ 96 ไร่ ไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินต่อทางสำนักงานที่ดิน อ.ถลาง และจากการตรวจสอบของคณะกรรมการซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอธิบดีกรมที่ดิน พบว่า ส.ค.1 ดังกล่าวเป็น สค.1 ที่อยู่คนละฝั่งเขากับที่มาขอออกเอกสารสิทธิ
ซึ่งทางกรมที่ดิน ได้ทำหนังสือแจ้งมายังอุทยานฯ แล้วว่า มีการยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าวแล้ว เมื่อมีการยกเลิกคำขอทำให้ที่ดินขาดเอกสิทธิ์คุ้มครอง ก็ถือว่ากลับมาเป็นป่าไม้ หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่อุทยานก็ได้ลงตรวจสอบพื้นที่พบว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ยังมีสภาพเป็นป่า มีการใช้ประโยชน์ประปราย เจตนเพื่อครอบครองพื้นที่ ทางอุทยานฯ จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่ยื่นขอออกเอกสารสิทธิดังกล่าว จำนวน 2 คดี เนื้อที่เกือบ 200 ไร่ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท บุกรุกยึดถือพื้นที่อุทยานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และบุกรุกป่าสงวนโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจะแจ้งความคำเนินคดีทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง เพราะเจตนายึดถือครอบครองซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างประสานผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเสียหายด้วย