ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ประชาชนในพื้นที่คลองรั้ว จ.กระบี่ เผยหวั่นเวทีรับฟังความเห็นสร้างท่าเรือขนถ่านหิน ค.3 ผ่านฉลุย ไม่ฟังเสียงค้านชาวบ้าน หลังเวทีรับฟังความเห็นครั้งที่ ค.1 -ค.2 ผ่านอย่างมีเงื่อนงำ เกรงสร้างเสร็จทำแหล่งอาหารทะเลพังยับ รายได้ชาวประมงหดหาย ทำปลาหลายชนิดสูญพันธุ์จากท้องทะเลไทย
วันนี้ (18 ก.ย.) นางจิตรา น้องไพรี ชาวบ้านคลองรั้ว ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ กล่าวว่า รู้สึกกังวลใจมาก เพราะในวันที่ 28 กันยายนนี้ จะมีการจัดเวทีประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม โครงการท่าเทียบเรือขนถ่านหินครั้งที่ 3 (ค.3) ซึ่งเป็นเวทีสุดท้ายแล้ว เราไม่อยากให้สร้างท่าเทียบเรือขนถ่านหิน เพราะมลพิษจากถ่านหินจะทำให้สัตว์ทะเลตาย และหายากขึ้น ทำประมงลำบากขึ้น จากที่ออกทะเลใกล้บ้านไม่เกิน 3 กิโลเมตรจากบ้าน ต้องออกไปหากินไกลขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะมีสัตว์น้ำให้จับแค่ไหน เพราะเส้นทางที่ทำมาหากินโดยส่วนใหญ่เป็นเส้นทางที่เรือขนถ่านหินจะวิ่งผ่าน ตอนนี้ชาวบ้านก็เดือดร้อนจากเรือน้ำมันเตา ซึ่งเขาขนมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าอยู่แล้ว บางทีเรือน้ำมันเตาก็ลากอวนของชาวบ้าน บางทีก็ชนเรือประมงของชาวบ้าน ต่อไปจะมีเรือถ่านหินลำใหญ่กว่าหลายเท่าตัว ชาวบ้านก็กังวลว่าจะลำบากมากขึ้น จะไม่มีเงินส่งเสียให้ลูกเรียน จะหาเงินจากไหนเพราะตู้เอทีเอ็มของเราอยู่ในทะเล
“เรื่องท่าเทียบเรือขนถ่านหินชาวบ้านคลองรั้วเพิ่งรู้มา 3-4 เดือน ตอนเวที ค.1 ไม่รู้ว่าเป็นเวทีถ่านหิน ได้ยินว่ามาแจกยา พาจระเข้มาแสดง พอไปนั่งฟังเพิ่งรู้ว่าเขาจะสร้างท่าเทียบเรือขนถ่านหินที่บ้าน ได้รู้ข้อมูลจากคนที่คัดค้านในเวทีว่าถ่านหินไม่ดี หลังจากนั้น ได้รู้ข้อมูลจากนักวิชาการว่า ถ่านหินมีพิษขนาดไหน พอไม่กี่วันได้ยินว่าเขาจะมาทำเวที ค.2 เราไปร่วมเวทีกันหลายร้อยคนแต่เขาไม่มา พอไม่กี่วันก็ได้ยินว่าเวที ค.2 ผ่านไปแล้ว เราเฝ้าอยู่ในพื้นที่ ตกใจว่ามันผ่านไปได้อย่างไร กังวลว่า ค.3 จะผ่านไปอีก เราแสดงเจตนารมณ์คัดค้านหลายครั้งแล้ว แต่ทำไมเขาไม่ฟังเราบ้าง จังหวัดกระบี่ ผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมันเตาได้ 340 เมกะวัตต์แล้ว เราใช้แค่ 100 เมกะวัตต์เอง ไฟฟ้ามันเหลือแล้ว เอาไปทำอะไรกันหนักหนา” นางจิตรา กล่าว
นางจิตรา กล่าวอีกว่า ชาวบ้านคลองรั้วทำประมงเป็นอาชีพหลัก มีเรือประมงประมาณ 200 ลำ คาดว่าในแต่เดือนมีรายได้ลำละประมาณ 30,000-40,000 บาท ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมเป็นช่วงลมมรสุม มีปูม้าชุกชุม ชาวประมงที่นี่จะหาปูม้าเป็นอาชีพหลัก บางลำสามารถจับปูได้วันละประมาณ 70 กิโลกรัม คิดเป็นรายได้ประมาณ 10,000 บาท แต่ในช่วงที่ผ่านมาประมาณ 10 วัน มีคลื่นลมแรง ชาวประมงต้องหยุดออกทะเลไปช่วงหนึ่ง ตอนนี้พายุสงบลงแล้ว ชาวบ้านเริ่มออกไปหาปูม้า คาดว่าจะจับปูได้มากเหมือนเดือนที่ผ่านมา