ให้เจ้าหน้าที่รังวัด ส.ป.ก.กระบี่ออกจากราชการตรวจพบรังวัดออกเอกสารสิทธิที่ป่าฯ

กระบี่ - ให้เจ้าหน้าที่รังวัด ส.ป.ก.กระบี่ ออกจากราชการ หลังตรวจพบรังวัดออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ป่าเฉลิมพระเกียรติฯ รวม 10 ราย เนื้อที่กว่า 200 ไร่

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (11 ก.ย.) ที่ห้องประชุมศาลากลาง นายสมาน แสงสะอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานประชุมอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าจังหวัดกระบี่ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่าในจังหวัดกระบี่

นายสมาน กล่าวในที่ประชุมว่า สำหรับการติดตามปราบปรามพื้นที่ป่าที่มีการบุกรุกในพื้นจังหวัดกระบี่ ที่ต้องดำเนินการตรวจสอบประกอบด้วย พื้นที่ป่าเฉลิมพระเกียรติ บริเวณควนมังคะ ตำบลห้วยยูง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าที่ดินของรัฐ แปลงที่ ร.9 กรณีที่มีการออก ส.ป.ก 4-01 ทับพื้นที่แปลงปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ท้องที่ ม.6 ต.ห้วยยูง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ที่ได้มีการร้องเรียนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในที่ประชุมได้มีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาระเบียบให้ชัดเจน และส่งคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ และแจ้งผลให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ทราบ

โดยให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนตำบลเขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ ให้ส่วนบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 ประสานงานสำนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ ตรวจสอบ ส.ค.1 ของชาวบ้านรายหนึ่งที่แสดงสิทธิถือครองว่าถูกต้องหรือไม่ และเร่งรัดผลการแปลอ่านภาพถ่ายทางอากาศ และเรื่องการบุกรุกป่าบริเวณปากคลองพน หมู่ที่ 6 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ มอบหมายให้สำนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ สาขาคลองท่อม ตรวจสอบต้นฉบับ ส.ค.1 ว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งทางที่ดินได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่า ต้นฉบับของ ส.ค.1 ฉบับดังกล่าวมีอยู่จริง ซึ่งจะได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า สำหรับพื้นที่ป่าเฉลิมพระเกียรติ บริเวณควนมังคะ ตำบลห้วยยูง อ.เหนือคลอง ที่มีปัญหาการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.ให้แก่ผู้ถือครอง จำนวน 10 ราย รวมเนื้อที่กว่า 200 ไร่ ในเบื้องต้นได้มีการตรวจสอบ และดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รังวัดของ ส.ป.ก.ไปแล้ว ด้วยการให้ออกจากราชการ เนื่องจากไปทำการรังวัดในพื้นที่ป่าเฉลิมพระเกียรติ ทั้งที่รู้ว่าไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ และเตรียมเพิกถอนเอกสานสิทธิทั้ง 10 ราย เพื่อคืนพื้นที่ให้แก่กรมป่าไม้