ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ออกเดินเท้าอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลัง 8 ขาหุ้นฯ สุราษฎร์ฯ ได้รับอิสรภาพ เผยแผนเดินในสุราษฎร์ฯ ต้องปิดลับเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตามตอแย ยืนยันเจตนารมณ์เดินเท้าจากอำเภอเมืองสุราษฎร์ฯ จนถึง อ.ท่าชนะ ผ่านพื้นที่สัมปทานน้ำมันกว่า 4 ล้านไร่ ของภาครัฐ และส่งธงให้แก่ขาหุ้นฯ ชุมพร เผยกระแสความตื่นตัวตอบรับการปฏิรูปพลังงานของขาหุ้นฯ ในโซเชียลมีเดียกำลังขยายตัว
วันนี้ (6 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากต้องหยุดพักการเดินเท้าปฏิรูปพลังงาน หาดใหญ่-กรุงเทพฯ ไปเป็นเวลา 4 วัน เนื่องจากเครือข่ายขาหุ้นฯ จำนวน 8 คน ถูกทหารควบคุมตัวไว้ที่ค่ายวิภาวดีรังสิต เป็นเวลา 4 วัน และได้รับอิสรภาพ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา
มีรายงานว่า เมื่อวานที่ผ่านมาหลังจากได้รับอิสรภาพทางเครือข่ายขาหุ้นฯ สุราษฎร์ธานี ก็ได้ออกเดินเท้าต่อทันทีแต่เนื่องจากมีความกดดันจากทหารในพื้นที่ ทำให้การเดินเท้าผ่านตัวเมืองสุราษฎร์ธานี จึงต้องปิดลับเพื่อไม่ให้ถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าที่อีก ขณะที่ทางทีมงานเครือข่ายขาหุ้นฯ ประชุมเตรียมการให้กิจกรรมนี้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากออกเดินมาได้ครึ่งทางของระยะทางทั้งหมดจากหาดใหญ่ ไปกรุงเทพฯ 1,400 กิโลเมตร
กระทั่งวันนี้ เครือข่ายขาหุ้นฯ ได้เริ่มออกเดินตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยเว็บไซต์ http://theenergywalkthailand.wordpress.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ระบุว่า เครือข่ายขาหุ้นฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกาศยืนยันเจตนารมณ์เดินเท้าจากอำเภอเมือง พุนพิน ท่าฉาง ไชยา ท่าชนะ รวมระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตรเพื่อส่งธงให้แก่ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจังหวัดชุมพร ทำหน้าที่เดินต่อเข้าสู่กรุงเทพฯ ในที่สุด เพื่อผลักดันให้การปฏิรูปพลังงานของประเทศไทยเกิดขึ้นตามเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง
ประวีณ จุลภักดี ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานสุราษฎร์ธานี กล่าว่า หลังจากขาหุ้นปฏิรูปพลังงานทั้ง 8 คน ได้รับอิสรภาพจากการกักขังที่ค่ายวิภาวดีรังสิต ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานจังหวัดสุราษฏร์ธานี พร้อมกันออกเดินถนนสายปฏิรูปพลังงานอีกครั้ง แม้แรงกดดันจากกลุ่มผลประโยชน์ด้านพลังงานทั้งน้ำมัน และถ่านหิน ผนวกกับสถานการณ์ทางการเมืองทำให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในการจัดการพลังงานยากทวีคูณ แต่ความมุ่งมั่นของประชาชนในฐานะขาหุ้นปฏิรูปพลังงานกลับสวนทาง
“พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งเป้าหมายสำคัญในการขุดเจาะปิโตรเลียม ซึ่งพื้นที่บนบกกว่า 4 ล้านไร่ ซึ่งครอบคลุมจังหวัดกระบี่ และจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อนุมัติให้สัมปทานเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งพื้นที่สัมปทานในทะเลรอบเกาะสมุย พะงัน เต่า และหมู่เกาะอ่างทอง ผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทั้งด้านความมั่นคงทางอาหาร และการท่องเที่ยวคือหัวใจหลักที่รัฐต้องคำนึงถึง ทุกวันนี้ คำว่า พลังงานหายาก พลังงานหมด กรอกหูประชาชนบนฐานความเชื่อมากกว่าเปิดเผยข้อมูลความจริง และถูกต้อง ทั้งที่ข้อมูลความจริงไม่เคยถึงมือประชาชนในฐานะเจ้าของทรัพยากรตัวจริง” ประวีณ จุลภักดี ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานสุราษฎร์ธานี กล่าวและว่า
ความชัดเจนของการเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปพลังงานของขาหุ้นสุราษฎร์ธานี มาจากการต่อสู้กับระบบสัมปทานปิโตรเลียมมากว่า 5 ปี ทั้งการต่อสู้ในพื้นที่ และการฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครอง
ด้านอานนท์ วาทะยานนท์ ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานสมุย ยืนยันว่า การขุดเจาะปิโตรเลียมตามระบบสัมปทานแบบเดิมก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการแย่งชิงทรัพยากรจากประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด สิ่งที่ต้องปฏิรูปต่อจากการเปลี่ยนระบบสัมปทานแล้ว รัฐจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดทำการโซนนิ่งพื้นที่พลังงาน กับพื้นที่อาหาร และท่องเที่ยวออกจากกัน ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งจากการจัดการพลังงานที่ขาดความเป็นธรรม และไร้ประสิทธิภาพ กำลังทำให้ประชาชน และประเทศชาติสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจมหาศาล เพราะพื้นที่เหล่านั้นเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางการลงทุนทั้งด้านการส่งออกสินค้าประมง เกษตร และท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้คือ พื้นฐานความเป็นธรรมที่สอดคล้องต่อความเป็นธรรมด้านพลังงานที่รัฐต้องทำความเข้าใจ และอย่าเพิกเฉย
เว็บไซต์นี้รายงานอีกว่า เส้นทางการต่อสู้เพื่อปฏิรูปพลังงานจากก้าวแรกที่หาดใหญ่กำลังขยายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เมื่อวันนี้ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานทั่วประเทศเข้ามาร่วมทั้งในการเดินของแต่ละพื้นที่ การเข้าถึง และติดตามเฟซบุ๊กขาหุ้นฯ กว่า 400,000 แฟนเพจตลอดเส้นทาง
ประสิทธิชัย หนูนวล ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานภาคใต้ กล่าวว่า “การเดินเท้าต่ออย่างมั่นคงภายใต้เจตนารมณ์ และเจตจำนงอันแน่วแน่ของประชาชน กำลังปลุกให้เจตจำนงของรัฐบาลต้องทบทวนการจัดการพลังงานของประเทศไทยเสียที ทั้งการสูญเสียผลประโยชน์ของชาติจากการใช้ระบบสัมปทาน และการผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศ ประเทศจำเป็นต้องปฏิรูปพลังงานก่อนการเดินหน้าอนุมัติโครงการด้านพลังงาน ถึงเวลาที่รัฐต้องเปิดเผยข้อมูล และความจริงให้แก่ประชาชนรับรู้ การปฏิรูปพลังงานจึงเป็นความท้าทายของรัฐบาลยุคนี้ที่จะต้องฝ่าเผด็จการการจัดการพลังงานให้ได้ เพราะที่ผ่านมา นักการเมืองและคนที่มีอำนาจล้มเหลวเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง
