ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ให้ความรู้ พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 สร้างเครือข่าย ให้ความรู้ และพัฒนาศักยภาพบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (27 ส.ค.) ที่โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต น.ส.ธิดา จงก้องเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เป็นประธานเปิดการสัมมนาฝึกอบรมสร้างเครือข่าย และให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 โดยมี พล.ร.ต.ประยุทธ ภู่เทียน เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 นายสถิรพงศ์ ณ ตะกั่วทุ่ง นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายภูริต มาศวงศ์ศา อุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต นายสันติ ป่าหวาย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต น.ส.เพ็ญศิริรัตน์ อาจทวีกุล นักพัฒนาการท่องเที่ยวชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยว ตลอดจนผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
น.ส.เพ็ญศิริรัตน์ อาจทวีกุล นักพัฒนาการท่องเที่ยวชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยว กล่าวว่า ตามที่กรมการท่องเที่ยวได้อนุมัติให้สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ จัดการสัมมนาฝึกอบรมสร้างเครือข่าย และให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ ผู้นำเที่ยว และบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ 5 ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยวรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ได้กำหนดการจัดสัมมนาฝึกอบรมดังกล่าวขึ้นซึ่งที่ผ่านมา ได้จัดการสัมมนาไปแล้วใน 6 แห่ง ได้แก่ พัทยา, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดนครราชสีมา, จังหวัดเชียงราย, จังหวัดตรัง, จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดภูเก็ต เป็นครั้งที่ 7
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ ผู้นำเที่ยว และบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความรู้ ความเข้าใจในพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และอนุบัญญัติที่ออกตามความพระราชบัญญัตินี้ ทำให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาศักยภาพ ธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ ผู้นำเที่ยวและบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้สามารถเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ