ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เผยพอใจการจัดระเบียบ ดึงภาคีเครือข่ายทุกสาขาอาชีพดูแลชายหาด เตรียมหามาตรการเยียวยาผู้เดือดร้อนจากการจัดระเบียบ
วันนี้ (19 ส.ค.) นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดระเบียบชายหาด ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ และติดตามการดำเนินการจัดการตามขั้นตอน ร่วมกับคณะฝ่ายความมั่นคงของทหาร ตัวแทนของกองทัพบกกองทัพเรือ โดยในส่วนของหาดป่าตอง หาดไตรตรัง ได้มีคำสั่งให้รื้อถอน และบังคับใช้กฎหมายในการรื้อถอน ที่หาดป่าตองรวมทั้งหมด 3 จุด และหาดไตรรัง 2 จุด เป็นอาคารเรือนไม้ และอาคารคอนกรีต 2 ชั้น ส่วนของหาดกะหลิม ซึ่งมีการปลูกสิ่งก่อสร้างเกินพื้นที่โฉนดออกมา 2 ส่วน ส่วนแรก คือ ส่วนที่ไปคร่อมที่สาธารณะ ได้ร้องขอให้รื้อถอน
โดยในส่วนนี้ ทางเจ้าของดำเนินการรื้อถอนเอง ส่วนที่สอง คือ ส่วนที่เป็นพื้นที่บุกรุกทางจังหวัดจะเข้าไปดำเนินการเองขณะในพื้นที่ เชิงทะเล หาดเลพัง ซึ่งที่ต่อเนื่องและเป็นจุดสำคัญ ที่เป็นการปลูกสิ่งก่อสร้างมั่นคงถาวร และใช้พื้นที่ริมชายหาดและสร้างอย่างใหญ่โตเป็นร้านอาหาร นอกจากนี้ เป็นร้านค้า และที่อยู่อาศัย โดยส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้า 2 ชั้น ตลอดแนวชายหาดมีมากกว่า 20 ยูนิต ซึ่งได้นำรถ 2 คันไปรื้อถอนอย่างต่อเนื่องแลสามารถดำเนินการเสร็จเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมทางจังหวัดมีความพึงพอใจ 90 เปอร์เซ็นต์ และจังหวัดจะได้คืนมาสู่ประชาชนเป็นสมบัติของประชาชน และเป็นหน้าที่ของชาวภูเก็ตทุกคนจะต้องคอยดูแลรักษา ซึ่งในส่วนของจังหวัดเองก็ได้ออกประกาศของจังหวัดออกไปแล้ว จำนวน 3 ฉบับ
ฉบับแรกก็เป็นการออกคำสั่งยึดพื้นที่ทำประโยชน์ส่วนตนบนพื้นที่สาธารณะโดยเด็ดขาด ฉบับที่สองเป็นมาตรการ การเยียวยาหรือช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายทำมาหากินบนพื้นที่ริมชายหาดทุกประเภท และวันนี้โดยส่วนของราชการก็ได้มีการช่องทางในการปรับเปลี่ยนฝึกอาชีพและได้มีการร้องขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้รับบุคคลเหล่านั้นกลับไปทำงานในพื้นที่ ที่ถูกต้อง ฉบับที่สาม เป็นมาตรการฟื้นฟู พัฒนา และรักษาไว้ในพื้นที่ชายหาด ทรัพยากรธรรมชาติชายหาดทุกหาด
โดยใช้กลไกในการร่วมมือ ผสานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ ทุกสาขาอาชีพและพลังของนักศึกษา นักเรียน ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนโดยตั้งกลไก ให้นายอำเภอเป็นผู้รับผิดชอบ ร่วมกับและองค์กรส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีอยู่ในกฎหมายอยู่แล้วแต่เรายังต้องสร้างความร่วมมือโดยใช้งบประมาณส่วนท้องถิ่นเป็นหลัก ถ้าไม่เพียงพอทางจังหวัดก็จะสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม