ตรัง - ตัวแทนจาก ธ.ไทยพาณิชย์ ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพ “น้องใบหยก” พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 100,000 บาท เผยขณะนี้กำลังรอผลการตรวจสอบจากเจ้าหน้าวิศวกรไฟฟ้า คาดใช้เวลาอีก 2 วัน ด้านญาติยืนยัน 18 ส.ค.นี้ ทำพิธีฝังน้องใบหยกตามประเพณีแน่นอน
จากกรณีที่ ด.ญ.ปาริฉัตร หนูพินิจ หรือน้องใบหยก อายุ 2 ขวบ 2 เดือน ถูกกระแสไฟฟ้าช็อตที่ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารไทยพาณิชย์ บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถนนตรัง-ปะเหลียน ในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 7 สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา จนต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง เป็นเวลาถึง 8 วัน ก่อนอาการทรุดหนัก และแพทย์จำเป็นต้องถอดเครื่องช่วยหายใจเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 สิงหาคม โดยความยินยอมของ นางสุกัลยา หนูพินิจ ผู้เป็นแม่ และญาติๆ นั้น
วันนี้ (17 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศงานศพที่วัดควนโพธิ์ ม.3 ต.ควนโพธิ์ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดย นางพรรณพร คงยิ่งยง ผู้ช่วยสำนักงานใหญ่อาวุโส สายเครือข่ายสาขา ธนาคารไทยพาณิชย์ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางมาร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพน้องใบหยก พร้อมมอบเช็คเงินสดเพื่อช่วยเหลือให้แก่ครอบครัวเพิ่มอีก 100,000 บาท ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มีการมอบเงินช่วยเหลือไปแล้ว 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 158,000 บาท
นางพรรณพร คงยิ่งยง ผู้ช่วยสำนักงานใหญ่อาวุโส สายเครือข่ายสาขา ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้เป็นเงินเยียวยาอย่างใด แต่ให้เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพในเบื้องต้นเท่านั้น โดยหลังจากนี้ คงต้องรอผลการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และวิศวกรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ถึงสาเหตุที่แท้จริงของไฟฟ้าช็อตดังกล่าว ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน พร้อมยืนยันจะช่วยเหลือ และรับผิดชอบทุกกรณี หากพบว่าปัญหาเกิดมาจากตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารไทยพาณิชย์
ด้าน นายสมโชค ขาวคม อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นตาของน้องใบหยก กล่าวว่า ตนรู้สึกพอใจต่อการช่วยเหลือของธนาคารไทยพาณิชย์ ในระดับหนึ่ง และได้ขอเวลาเพื่อตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนที่มีข่าวลือว่า ตนและครอบครัวจะไม่ยอมฝังศพน้องใบหยก ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ณ วัดควนโพธิ์ หากการเจรจายังไม่มีข้อยุตินั้น ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ซึ่งไม่ว่าอะไรก็ตาม ตนและครอบครัวจะดำเนินการทุกอย่างไปตามประเพณี โดยไม่มียื้อไว้เพื่อต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนการช่วยเหลือหลังจากนั้นก็ต้องให้เป็นไปตามหลักกฎหมาย และหลักมนุษยธรรม