กระบี่ - ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ ร่อนหนังสือถึงธนาคารใน จ.กระบี่ เพื่อขอข้อมูลวงจรปิดเพื่อติดตามแก็งสกิมเมอร์ ขณะที่ทางธนาคารกสิกรไทย มั่นใจความปลอดภัยยันลูกไม่โดนแฮกข้อมูลถ้ากดจากตู้กสิกรโดยตรง
กรณีแก๊งคนร้ายใช้เครื่องสกิมเมอร์ คัดลอกข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม ของประชาชนภายในตัวเมืองกระบี่ แล้วนำไปกดเงินที่ต่างประเทศ โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.ถึงปัจจุบัน โดยขณะนี้มีผู้มาแจ้งความรวม 48 ราย ยอดเงินรวมกว่า 1.6 ล้านบาท เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.วิทยา เมฆใส พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองกระบี่ ซึ่งดูแลคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดว่า แก๊งคนร้ายเป็นชาวต่างชาติ เข้ามาคัดลอกข้อมูลจากตู้เอทีเอ็มในตัวเมืองกระบี่ ช่วงประมาณ 1เดือนที่ผ่านมา แต่อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากทางธนาคารที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความรวม 6 ธนาคาร ประกอบด้วย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงเทพ ขณะนี้ได้ส่งหนังสือไปยังทุกธนาคารเพื่อขอข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามแก๊งคนร้ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทราบว่ามีหลายธนาคารที่อายัดบัตรเอทีเอ็มลูกค้าไปแล้วรวมกว่า 500 ราย เช่น ธนาคารกรุงไทย 400 ราย กรุงศรีอยุธธยา อีก 40 ราย แต่ขณะนี้ทางธนาคารยังไม่ได้เข้าไปแจ้งความ หรือมาติดต่อที่ สภ.อ.เมืองกระบี่ แม้แต่รายเดียว ทำให้เป็นอุปสรรคในการสืบหาตัวคนร้าย นอกจากนี้ เชื่อว่ายังมีลูกค้าที่ถูกแฮกข้อมูลไม่ต่ำกว่า 100 ราย แต่ไม่ได้มาแจ้งความ เนื่องจากทางธนาคารได้ติดต่อจ่ายเงินชดเชยให้แล้ว
ขณะที่นายบุญเที่ยง เจริญงาน ผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย สาขากระบี่ ซึ่งมีลูกค้าแจ้งความที่ สภ.เมืองกระบี่ จำนวน 10 ราย ได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ทางธนาคารได้ดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้ลูกค้าที่ไปแจ้งความแล้วทุกราย และยังให้ความมั่นใจลูกค้าว่าตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย ทุกตู้มีระบบป้องกัน ไม่สามารถคัดลอกข้อมูลได้ แต่ที่ถูกคัดลอกไปนั้นอาจถูกคัดลอกจากตู้ธนาคารอื่น จึงขอให้ลูกค้าที่ใช้บริการตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย มั่นใจเรื่องความปลอดภัย และสามรถใช้งานได้ตามปกติไม่ต้องกังวลเรื่องการแฮกข้อมูล
กรณีแก๊งคนร้ายใช้เครื่องสกิมเมอร์ คัดลอกข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม ของประชาชนภายในตัวเมืองกระบี่ แล้วนำไปกดเงินที่ต่างประเทศ โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.ถึงปัจจุบัน โดยขณะนี้มีผู้มาแจ้งความรวม 48 ราย ยอดเงินรวมกว่า 1.6 ล้านบาท เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.วิทยา เมฆใส พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองกระบี่ ซึ่งดูแลคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า เบื้องต้นคาดว่า แก๊งคนร้ายเป็นชาวต่างชาติ เข้ามาคัดลอกข้อมูลจากตู้เอทีเอ็มในตัวเมืองกระบี่ ช่วงประมาณ 1เดือนที่ผ่านมา แต่อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจากทางธนาคารที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความรวม 6 ธนาคาร ประกอบด้วย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงเทพ ขณะนี้ได้ส่งหนังสือไปยังทุกธนาคารเพื่อขอข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามแก๊งคนร้ายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทราบว่ามีหลายธนาคารที่อายัดบัตรเอทีเอ็มลูกค้าไปแล้วรวมกว่า 500 ราย เช่น ธนาคารกรุงไทย 400 ราย กรุงศรีอยุธธยา อีก 40 ราย แต่ขณะนี้ทางธนาคารยังไม่ได้เข้าไปแจ้งความ หรือมาติดต่อที่ สภ.อ.เมืองกระบี่ แม้แต่รายเดียว ทำให้เป็นอุปสรรคในการสืบหาตัวคนร้าย นอกจากนี้ เชื่อว่ายังมีลูกค้าที่ถูกแฮกข้อมูลไม่ต่ำกว่า 100 ราย แต่ไม่ได้มาแจ้งความ เนื่องจากทางธนาคารได้ติดต่อจ่ายเงินชดเชยให้แล้ว
ขณะที่นายบุญเที่ยง เจริญงาน ผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย สาขากระบี่ ซึ่งมีลูกค้าแจ้งความที่ สภ.เมืองกระบี่ จำนวน 10 ราย ได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ทางธนาคารได้ดำเนินการจ่ายเงินชดเชยให้ลูกค้าที่ไปแจ้งความแล้วทุกราย และยังให้ความมั่นใจลูกค้าว่าตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย ทุกตู้มีระบบป้องกัน ไม่สามารถคัดลอกข้อมูลได้ แต่ที่ถูกคัดลอกไปนั้นอาจถูกคัดลอกจากตู้ธนาคารอื่น จึงขอให้ลูกค้าที่ใช้บริการตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทย มั่นใจเรื่องความปลอดภัย และสามรถใช้งานได้ตามปกติไม่ต้องกังวลเรื่องการแฮกข้อมูล