สุราษฎร์ธานี - สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางศึกษาหาข้อมูลเส้นทางหลวงแผ่นดิน เพื่อเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เขตพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ต่อเนื่องไปยังภาคใต้ตอนล่าง พร้อมกำชับผู้ขับขี่ให้เคารพกฎหมายจราจรอย่างเคร่งคัด
วันนี้ (11 ส.ค.) พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมตำรวจทางหลวงสุราษฎร์ธานี ออกสำรวจถนนทางหลวงสายต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และภาคใต้ เพื่อบูรณาการรองรับการเปิดเสรีอาเซียนในปีหน้า โดยทางหลวงสายอาเซียน หรือ ASEAN Highway Network Project เป็นโครงการพัฒนาทางหลวงที่จะเชื่อมโยงการเดินทางติดต่อระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าด้วยกัน และยังสามารถเชื่อมโยงออกไปยังประเทศรอบนอกอาเซียนได้อีกด้วย
สำหรับในพื้นที่ภาคใต้ มีเส้นทางสายหลักที่จะเชื่อมโยงประเทศอาเซียน 3 สาย คือ AH 2 สะเดา (ชายแดนไทย-มาเลเซีย ) - ทุ่งสง - เพชรบุรี - นครปฐม - กรุงเทพฯ - นครสวรรค์ - ตาก - เชียงราย - ท่าขี้เหล็ก (ชายแดนไทย-พม่า) ระยะทาง 1,913 กิโลเมตร ถนน AH18 หาดใหญ่ - สุไหงโก-ลก ระยะทาง 311 กิโลเมตร และสาย AH112 คลองลอย - บางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 28 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ได้เตรียมความพร้อม และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และชุมชนตลอดเส้นทางทางหลวงสายอาเซียนให้มีความพร้อม และเข้าใจความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นภายหลังการเปิดเสรี AEC ในปีหน้า โดยเฉพาะการเปิดรับนักท่องเที่ยว ที่จะใช้เส้นทางสายอาเซียน ในการเดินทางทางผ่านไปยังประเทศต่าง
พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางทางหลวงสายอาเซียนในครั้งนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมด้านข้อมูล เพื่อที่จะบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง กรมการขนส่งทางปก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น ส่วนสภาพผิดจราจรถนนบางเส้นทางที่ยังเป็นอุปสรรคอยู่บ้างนั้น ได้ประสานกับตำรวจในพื้นที่ทำเครื่องหมายให้เด่นชัดเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถ พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งคัด และทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการเตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC
ด้าน พ.ต.อ.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระบุว่า สภาพผิวจราจรในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่ยังเป็นอุปสรรคอยู่บ้างคือ ช่วงระหว่างทางสาย 41 จาก อ.ท่าชนะ - พุนพิน ระยะทางประมาณ 80 กม.จะเน้นย้ำการทำป้ายเตือนเป็นภาษาอังกฤษ เป็นระยะและให้เห็นชัดเจนเพื่อความปลอดภัย
