ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พบซากเต่าตนุคลื่นซัดลอยเกยหาดบางทรายภูเก็ต นักวิชาการคาดป่วยตาย ขณะที่การผ่าพิสูจน์ซาก 2 โลมาที่ส่งมาจากสตูลไม่พบเศษอาหารในกระเพราะ และบาดแผลตามร่างกาย แต่พบคราบ และกลิ่นคล้ายน้ำมันในลำไส้ ส่งชิ้นเนื้อตรวจในห้องแล็บอีกครั้ง
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (10 ส.ค.) ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน แหลมพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับการประสานจากศูนย์วิทยุกู้ชีพ-กู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตประจำป้อมตำรวจทางหลวงบ้านเมืองใหม่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่า พบซากเต่าไม่ทราบสายพันธุ์ตายถูกคลื่นซัดลอยเข้ามาเกยชายหาดบางทราย ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จึงขอให้หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตนำซากเต่ากลับมายังกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยฯ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเป็นเต่าตนุ เพศเมีย อายุประมาณ 2-4 ปี น้ำหนัก 11 กก. สภาพเริ่มเน่า มีเปลือกกระดองหลุดบางส่วน ใต้ท้องพบร่องรอยจากแดดเผาทำให้เนื้อเยื้อหลุดล่อน ขณะที่ส่วนอื่นไม่พบบาดแผล สัตวแพทย์ได้ใช้เครื่องสแกนหาไมโครชิพตามตัวเต่า แต่ไม่พบ จึงต้องทำการผ่าพิสูจน์ดูสาเหตุอีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่าเตาอาจป่วยตาย และถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยตื้นบริเวณชายหาดดังกล่าว
นอกจากนี้ สัตวแพทย์ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก พร้อมเจ้าหน้าที่ยังได้ทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายของ 2 โลมา ที่ตายเกยตื้นภายในคลองท่าห้วย หมู่ 5 บ้านแรกกอด ต.ควนขัน อ.เมืองสตูล จ.สตูล เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากรับซากมาจากสำนักงานประมง จ.สตูลเมื่อช่วงค่ำวันเดียวกัน จากการตรวจสอบพบว่า เป็นโลมาหลังโหนกตัวผู้ และตัวเมีย ความยาว 1.80 เมตร น้ำหนัก 80 กก.ต่อตัว หลังจากผ่าพิสูจน์ไม่พบเศษอาหารในกระเพาะ ไม่พบบาดแผลตามร่างกาย โดยพบคราบ และกลิ่นคล้ายน้ำมันในลำไส้ จึงได้ตัดเนื้อเยื่อบางส่วนส่งตรวจในห้องแล็บเพื่อหาสาเหตุอีกครั้ง
