ยะลา - ผู้บังคับการตำรวจภูธรยะลา เตือนประชาชนในพื้นที่ระวังติดคุกข้อหาแจ้งความเท็จ หลังชุดสืบสวนติดตามรถยนต์ถูกแจ้งหายพบว่า เป็นการแจ้งความเท็จเพื่อหวังเอาเงินทดแทนจากบริษัทประกันฯ
วันนี้ (5 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้กำกับการสืบสวน ภ.จว.ยะลา ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจยึดรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน กพ 4271 สงขลา ซึ่งได้ถูกแจ้งหายไว้เมื่อวันที่ 26 ก.ค.57 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ สภ.ธารโต จ.ยะลา
พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้สั่งกำชับให้มีการกวาดล้างการโจรกรรมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ เนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ โดยในห้วง 3 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 ถึงเดือนกรกฎาคม 2557 ในพื้นที่จังหวัดยะลา มีการรับแจ้งรถยนต์สูญหาย จำนวน 3 คัน แบ่งเป็นในพื้นที่ อ.ธารโต 1 คัน และ อ.เมือง 2 คัน ตนจึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรยะลา ออกสืบสวนสอบสวนติดตามรถยนต์ทั้ง 3 คันดังกล่าว
จากข้อมูลพบว่า หลังจากได้รับมอบหมายให้ออกติดตามรถยนต์ที่สูญหาย จำนวน 3 คัน ซึ่งประกอบด้วย รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บว 6642 สงขลา ของ น.ส.นูรฮูดา กูโง ซึ่งได้แจ้งความสูญหายไว้เมื่อวันที่ 21 พ.ค.57 ในพื้นที่ สภ.เมืองยะลา รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผต 3766 สงขลา ของนายอิบรอฮีม อุมาเจะแต ซึ่งได้แจ้งความสูญหายไว้ที่ สภ.เมืองยะลา เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.57 ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 26 ก.ค.57 ที่ผ่านมา นายอับดุลราซิ ยามู ได้เข้าแจ้งความรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีเทา หมายเลขทะเบียน กพ 4271 สงขลา สูญหายในพื้นที่ สภ.ธารโต จ.ยะลา
“ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวน พร้อมพยานหลักฐานต่างๆ ก็พบว่า รถยนต์ทั้ง 3 คัน ที่แจ้งความสูญหายเอาไว้เป็นการแจ้งความเท็จ โดยเจ้าของรถยนต์อาศัยช่องว่างทางกฎหมายดำเนินการแจ้งความเท็จรถหาย เพื่อเอาเงินประกันภัย เนื่องจากไม่มีเงินผ่อนชำระ ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงาน ผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่าได้หลงเชื่อผู้ที่แนะนำในทางที่ผิด เพราะหากหลงเชื่อก็อาจจะเป็นความผิดดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมีโทษทางอาญาได้” ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา กล่าว