สุราษฎร์ธานี - ชาวประมงพื้นบ้านดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ยังคงปักหลักปิดทางเข้า-ออกท่าเรือเฟอร์รี่ บริษัทซีทราน หลังการเจรจาล้มเหลว ทางบริษัทซีทรานฯ ไม่ยอมจ่ายชดเชยค่าเสียหายให้ตามที่ชาวประมงเรียกร้องเป็นเงิน 700,000 บาท แต่จะจ่ายตามความเหมาะสม
ชาวประมงพื้นบ้านอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี กว่า 300 คน รวมตัวปิดท่าเรือเฟอร์รี่ จากเหตุไม่พอใจผู้บริหารบริษัทรับปากชดเชยค่าเสียหายอุปกรณ์ทำประมง ล่าสุด ยังชุมนุมยืดยื้อหาข้อยุติไม่ได้ นักท่องเที่ยว และรถยนต์ต้องตกค้างอยู่ในบริเวณท่าเรือกว่า 300 คัน ไม่สามารถเดินทางออกมาได้
วันนี้ (5 ส.ค.) จากกรณีที่ชาวประมงพื้นบ้านในอำเภอดอนสักกว่า 300 คน รวมตัวกันนำอวนดักปลา พร้อมตั้งเต็นท์ และอุปกรณ์เครื่องเสียงมาปิดถนนเข้า-ออก ที่บริเวณท่าเรือเฟอร์รี่ของบริษัท ซีทราน เฟอร์รี่ จำกัด ที่จะข้ามไปยังเกาะสมุน และเกาะพะงัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นมา เนื่องจากไม่พอใจผู้บริหารบริษัท ซีทราน เฟอร์รี่ จำกัด ที่รับปากว่าจะดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายจากเรือขุดลอกล่องน้ำท่าเรือนำเลนไปทิ้งในทะเลในระยะ 3,000 เมตร และเรือขุดลอกยังทำลายอุปกรณ์ทำการประมงของชาวประมงพื้นบ้านไปจำนวน 67 ราย ซึ่งทางจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่ายแก้ไขปัญหา
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มอบหมายให้ นายวงศศิริ พรหมชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางมาประชุมกับตัวแทนกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน และตัวแทนบริษัท ซีทราน เฟอร์รี่ จำกัด ซึ่งทางตัวแทนชาวบ้านได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ทางผู้ประกอบการยุติการเดินเรือทันที และขอให้ชดใช้ค่าอุปกรณ์ทำการประมงที่เสียหายแก่ชาวประมงทั้งสิ้นจำนวน 67 ราย วงเงินประมาณกว่า 700,000 บาท โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ภายในวันนี้ แต่การเจรจาไม่เป็นผล โดยทางผู้ประกอบการยืนยันว่าจะเยียวยาผู้เสียหายตามความเหมาะสม ทางบริษัทไม่สามารถยินยอมตามแรงกดดันที่นำมวลชนมากดดันได้ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศชุมนุมปิดทางเข้า-ออก ท่าเรือซีทราน เฟอร์รี่ ต่อไป จนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน
ในขณะที่รถยนต์ จำนวน 300 คัน ที่เดินทางข้ามมาจากฝั่งเกาะสมุย พร้อมนักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องตกค้างอยู่ในบริเวณท่าเรือของบริษัท ซีทราน เฟอร์รี่ ไม่สามารถเดินทางออกไปได้เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอมให้ใครผ่านเข้าออก