นราธิวาส - นายอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส ลงพื้นที่สอบเหตุไฟไม้ป่าพบว่า ยังไม่ดับสนิท เตรียมผันน้ำจากแม่น้ำสุไหงโก-ลก ผ่านประตูระบายน้ำเข้าช่วย พบพื้นที่ถูกไฟป่ามีไม้แปรรูปหลายชนิดเตรียมขนย้าย และพบว่ามีการลักลอบบุกรุกมานานหลายปี ทั้งนี้ เตรียมใช้กฎหมายจัดการขั้นเด็ดขาด
วันนี้ (17 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุไฟไหม้เขตรอยต่อป่าพรุ กับพื้นที่สวนยางพาราของชาวบ้าน ที่บริเวณบ้านปลักปลา ม.5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เป็นเวลานาน 5 วันนั้น ล่าสุด นายสมศักดิ์ สิทธิวรการ นายอำเภอตากใบ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงกับชาวบ้าน พบว่า ไฟที่ไหม้อยู่ยังไม่มอด และได้สั่งเจ้าหน้าที่ชลประทาน จ.นราธิวาส ทำการผันน้ำจากแม่น้ำสุไหงโก-ลก ไหลลงสู่ประตูระบายน้ำเพื่อปล่อยน้ำเข้าพื้นที่จุดเกิดเหตุ เพื่อหล่อเลี้ยงไม่ให้ไฟป่าที่ลุกไหม้ชั้นใต้ดินลามกินพื้นที่กว้างกว่าที่เป็นอยู่
ส่วนการสกัดกั้นต้นเพลิงที่กำลังลุกลามอยู่ จำนวน 3 จุดใหญ่นั้น นายศักดา จันทร์เดิม หน.ควบคุมไฟป่าพรุโต๊ะแดง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติฯ เดินเท้านำอุปกรณ์สนามไปทำการเจาะขุดแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการดับไฟ แต่ต้องพบกับอุปสรรคจากการทับถมของท่อนไม้ และกิ่งไม้ชั้นใต้ดิน จึงต้องค่อยๆ ดำเนินการแต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ถึงแม้ขุดลึกไปประมาณ 2 เมตร ก็ไม่พบแหล่งน้ำแต่อย่างใดในขณะนี้
ในส่วนของการบินสำรวจด้วยพารามอเตอร์ของทีมข่าวช่วงบ่ายล่าสุด พบว่า พื้นที่ที่ถูกเพลิงไหม้ไปแล้วมีไม้แปรรูปนาๆ ชนิดต่างๆ วางซุกอยู่จำนวนหลายจุด คล้ายลักษณะรอการลักลอบขนย้ายออกจากป่า และจากการเดินเท้าไปตามจุดรอยต่อระหว่างเพลิงที่กำลังลุกไหม้กับพื้นที่ของชาวบ้านนั้น มีลักษณะคล้ายผ่านการบุกรุกป่ามานานกว่า 10 ปี จนต้นยางพาราสามารถให้ผลผลิตได้แล้ว
ด้านนายสมศักดิ์ สิทธิวรการ นายอำเภอตากใบ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า พื้นที่ที่ถูกเพลิงไหม้เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านได้เข้าไปบุกรุก และได้สั่งกำชับว่าขอให้หยุดการบุกรุกเป็นการเพิ่มเติม ในส่วนของข้อกฎหมายต้องให้ป่าไม้เป็นผู้ดำเนินการ ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง