xs
xsm
sm
md
lg

พบแล้วที่ชุมพรเด็กชายวัย 13 ปี ญาติเคยแจ้งหายไว้ที่กรุงเทพฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชุมพร - พบเด็กแล้วชายวัย 13 ปี ที่ญาติแจ้งหายตัวจากกรุงเทพฯ โผล่ที่จังหวัดชุมพร หลังผู้อุปการะนำไปฝากเรียนหนังสือระหว่างตามหาญาติ หลังเจอเด็กที่สถานีรถไฟสุราษฎร์ฯ ครูตรวจสอบประวัติพบเคยมีการแจ้งคนหายไว้ จึงประสานตำรวจติดต่อญาติมารับตัว

เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (16 ก.ค.) ร.ต.ท.วินัย ขัวญทองอินทร์ ร้อยเวร สภ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร รับแจ้งจากอาจารย์โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 3 ต.ทุ่งตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ว่า ผู้รับอุปการะเด็กชายวัย 13 ปี นำเด็กมามาสมัครเรียนต่อที่โรงเรียน แต่จากการที่ตรวจสอบข้อมูล พบว่า เด็กชายคนดังกล่าวมีการแจ้งความเด็กหายไว้ที่กรุงเทพมหานคร และประกาศหาทางสถานีโทรทัศน์และโลกโซเชียล หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.วินัย ขัวญทองอินทร์ ร้อยเวร สภ.ทุ่งตะโก จึงเดินทางไปพบกับ นายสุชาติ อินทวิเศษ ผอ.โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และ นางเสาวลักษณ์ ผลสมบูรณ์โชค อาจารย์ผู้ดูแลงานด้านทะเบียนเด็กนักเรียน

ทราบว่าในช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มี นายสมชาย มณีเสน อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 6 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ได้นำตัวเด็กชายเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี มาสมัครเข้าเรียนชั้น ม.1 ที่โรงเรียน พร้อมแจ้งว่าได้อุปการะเด็กคนดังกล่าวไว้ และกำลังอยู่ระหว่างการติดตามหาพ่อแม่เด็กที่ยังไม่ทราบว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน จึงขอให้ทางโรงเรียนรับตัวเด็กไว้เรียนหนังสือก่อนเพื่อเด็กจะได้เรียนอย่างต่อเนื่อง แต่จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องเบื้องต้นของโรงเรียน พบว่า ผู้ปกครองของเด็กหายได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลจระเข้น้อย กรุงเทพมหานคร และมีญาติไปขอความช่วยเหลือจากสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งให้ประกาศติดตามหาตัวเด็กคนดังกล่าวอยู่ โดยมีชื่อและรูปพรรณตรงกันทุกประการ

จากการสอบถาม นายสมชาย ผู้ที่นำเด็กชายคนดังกล่าวมาฝากเข้าเรียนหนังสือ ทราบว่า ตัวเองทำงานด้านจิตอาสา ชอบทำกิจกรรมทางสังคม โดยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมาได้นำ เด็กๆ จำนวนหนึ่งจาก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ไปร่วมวิ่งรณรงค์การกุศลที่ จ.สุราษฎร์ธานี เดินทางโดยรถไฟไปลงที่สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ก็ได้พบเห็น ด.ช.เอ นอนอยู่บนม้านั่งหินอ่อนก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งตอนสายวันที่ 4 มิถุนายน ได้เดินทางกลับ และมาขึ้นรถที่สถานีรถไฟ จ.สุราษฎร์ธานี ก็ยังพบเห็น ด.ช.เอ นอนอยู่ที่ม้านั่งตัวเดิม ท่าทางอิดโรยจึงเข้าไปสอบถามก็ทราบว่า ถูกญาตินำมาทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟ จึงได้ชวนมาอยู่ที่บ้านของตนดังกล่าว

ด้าน ด.ช.เอ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ได้เดินทางกับป้าชื่อจอย โดยรถไฟฟรีขบวนกรุงเทพฯ ปลายทางสุราษฎร์ธานี ซึ่งป้าบอกว่าจะพาไปหาแม่ที่ จ.ภูเก็ต และจะต้องไปต่อรถที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่เมื่อมาถึงสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ป้าบอกว่ามีธุระด่วนต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ และให้เงินไว้ 10 บาท พร้อมข้าว 1 กล่อง พร้อมบอกให้ตนเองหางานทำ ใน จ.สุราษฎร์ธานีไปก่อน แล้วจะกลับมารับไปพบแม่ที่ จ.ภูเก็ต แต่เมื่อออกไปหางานก็ไม่มีใครรับเนื่องจากยังเป็นเด็ก จึงกลับมานั่ง และนอนที่สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี จนมาพบกับนายสมชาย และชวนไปอยู่ที่บ้านในพื้นที่ จ.ชุมพร ดังกล่าว

นอกจากนั้น ด.ช.เอ ยังเล่าต่อว่า เมื่อตัวเองอายุประมาณ 7 ขวบ ทราบว่า แม่มีอาชีพขายปาท่องโก๋ อยู่บริเวณอนุเสารีท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ใน จ.ภูเก็ต ได้นำตนไปฝากไว้กับป้าซึ่งเป็นพี่สาวของสามีใหม่ของแม่ เพราะพ่อของตนต้องโทษจำคุกคดีค้ายาเสพติดตลอดชีวิตอยู่ใน จ.กระบี่ และแม่ได้ส่งเงินให้ป้าส่งเสียจนเรียนจบ ป.6 และกำลังจะเข้าเรียน ม.1 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่แล้วป้าก็บอกว่าจะพาไปกลับไปอยู่กับแม่ที่ จ.ภูเก็ต จนกระทั่งพาตนมาทิ้งที่ จ.สุราษฎร์ธานี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจและครูอาจารย์ยังสับสนคำให้การของ ด.ช.เอ ว่าเรื่องที่เล่าทั้งหมดเป็นจริงหรือโกหก จึงต้องขอเวลาประสานไปยังสถานีตำรวจท้องที่รับแจ้งความเด็กหาย เพื่อประสานผู้ปกครองมารับตัว และสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น