ปัตตานี - ชุดพิสูจน์หลักฐานกว่า 60 นาย ลงตรวจที่เกิดเหตุคนร้ายวาง จยย.บอมบ์ ดักเส้นทางปลัดสายบุรีขณะขับผ่าน พบสะเก็ดระเบิดแตกละเอียดจำนวนมาก แรงระเบิดส่งผลให้เสาไฟฟ้า และสายสัญญาณโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย เผยระเบิดมีอานุภาพรุนแรงมาก โดยคนร้ายวางแผนก่อเหตุมาเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่ต้องสงสัย 3 จุด เพื่อหาเบาะแสผู้ก่อเหตุ
จากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องโดยซุกระเบิดไว้ในรถจักรยานยนต์จอดไว้บนถนนสายปัตตานี-นราธิวาส บริเวณคอสะพานลาฆอ ม.1 ต.มะนังดาลำ ส่งผลให้รถยนต์ปลัดอำเภอสายบุรี และ อส. ซึ่งกำลังขับผ่านเส้นทางดังกล่าวในขณะนั้นถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหาย ซึ่งทั้งหมดกำลังเดินทางกลับจากการร่วมกิจกรรมละศีลอดร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ม.5 ต.ทุ่งคล้า อ.สายบุรี เมื่อคืนวานในวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 7 ราย
ล่าสุด วันนี้ (16 ก.ค.) พ.ต.อ.สราวุธ เอี่ยมสำราญ รอง ผบก.ภ.จ.ปัตตานีพร้อมด้วย ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กก.ภ.จว.ปัตตานี ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และกำลังตำรวจ ทหาร ประมาณ 60 นาย ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิดดังกล่าว เพื่อตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง พบว่า ที่เกิดเหตุพื้นถนนถูกแรงระเบิดยุบ สะเก็ดระเบิด และชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์บอมบ์ยังเกลื่อนกลาด และกระจัดกระจายไปทั่วรัศมี 500 เมตร
อีกทั้งยังพบชิ้นส่วนของประกอบระเบิด เป็นถังแก๊สขนาด 15 กก. น้ำหนักระเบิดที่บรรจุประมาณ 30-50 กก. จุดชนวนยังไม่พบอุปกรณ์จุดชนวน เบื้องต้นน่าเชื่อว่าเป็นวิทยุสื่อสารซึ่งระเบิดครั้งนี้ทำให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นละเอียดมาก ไม่สามารถเก็บได้ นอกจากนั้น คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง เป็นรถจักรยานยนต์ซูซูกิ สแมช สีน้ำเงินดำ ไม่มีป้ายทะเบียน เป็นรถที่คนร้ายขโมยมาจากตลาดนัด อ.สายบุรี เมื่อปี 2554 ซึ่งเจ้าของรถเป็นของ นางนุชนารถ เพ็ชรจินดา อายุ 80 ปี อาชีพค้าขาย ทะเบียนเดิม กลฉ 344 ปัตตานี แรงระเบิดทำให้แตกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ
นอกจากนั้น แรงระเบิดทำให้สายไฟฟ้า และสายโทรศัพท์เคลื่อนที่ขาดเสียหาย ทำให้สัญญาณไฟฟ้า และโทรศัพท์ไม่สามารถใช้การได้ชั่วคราว และทำให้อาคารสถานีสูบน้ำของสำนักงานประปาสายบุรี เสียหาย
ผู้สื่อข่าวปัตตานี รายงานว่า ผลจากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญระเบิดว่า คนร้ายได้นำระเบิดบรรจุแก๊สหุงต้ม 15 กก. และบรรจุระเบิด 30-50 กก. มาวางไว้ โดยใช้กระสอบ และหญ้ามาปิดบังไว้ ส่วนการประกอบระเบิดมีน้ำหนักมาก และถือว่าเป็นการระเบิดที่สมบูรณ์ที่สุดครั้งแรกที่ปัตตานี และมีอานุภาพรุนแรงมาก ทางด้านแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า คนร้ายมีการวางแผน และเตรียมการเป็นอย่างดี โดยใช้วิธีล็อกเป้าหมายโดยคนร้ายมาวางระเบิดก่อนที่ชุดปลัดอำเภอจะมาถึง เพียงไม่กี่นาที
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (16 ก.ค.) ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง มีการสนธิกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านเป้าหมาย 3 จุด ที่หมู่บ้าน ม.2 บ้านกูแว ต.กะดูนง อ.สายบุรี เป็นบ้านของนายกามีซัม และนายรอวี นอกจากนั้น ไปตรวจค้นที่บ้านนายมะนาเซ กาพา ที่ ม.5 บ้านกาหงส์ ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี ซึ่งเป็นลุงของนายอาฟันดี กาพา ซึ่งเป็นมือประกอบระเบิดที่เป็นตัวสำคัญ ที่คาดว่า เป็นผู้มีส่วนร่วมต่อการลอบวางระเบิดครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เพียงอาทิตย์ที่ผ่านมา มี่นายอาฟันดี และพวก มีการเคลื่อนไหวในบริเวณดังกล่าว นอกจากนั้น ยังได้ตรวจค้นบ้าน นายอัสมาน เจะปา ซึ่งเป็นมือประกอบระเบิดเช่นกัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้ น่าจะเป็นกลุ่มนายอาฟันดี กาพา และ นายอัสมาน เจะปา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ข่าวหน่วยความมั่นคงแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะการลาดตระเวนถนนสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส เนื่องจากคนร้ายได้มีการลอบวางระเบิด บนถนนเส้นทางสาย 42 จำนวนหลายจุด ตั้งแต่เขตอำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ดังนั้น ให้ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง
จากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องโดยซุกระเบิดไว้ในรถจักรยานยนต์จอดไว้บนถนนสายปัตตานี-นราธิวาส บริเวณคอสะพานลาฆอ ม.1 ต.มะนังดาลำ ส่งผลให้รถยนต์ปลัดอำเภอสายบุรี และ อส. ซึ่งกำลังขับผ่านเส้นทางดังกล่าวในขณะนั้นถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหาย ซึ่งทั้งหมดกำลังเดินทางกลับจากการร่วมกิจกรรมละศีลอดร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ ม.5 ต.ทุ่งคล้า อ.สายบุรี เมื่อคืนวานในวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 7 ราย
ล่าสุด วันนี้ (16 ก.ค.) พ.ต.อ.สราวุธ เอี่ยมสำราญ รอง ผบก.ภ.จ.ปัตตานีพร้อมด้วย ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด กก.ภ.จว.ปัตตานี ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และกำลังตำรวจ ทหาร ประมาณ 60 นาย ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิดดังกล่าว เพื่อตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง พบว่า ที่เกิดเหตุพื้นถนนถูกแรงระเบิดยุบ สะเก็ดระเบิด และชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์บอมบ์ยังเกลื่อนกลาด และกระจัดกระจายไปทั่วรัศมี 500 เมตร
อีกทั้งยังพบชิ้นส่วนของประกอบระเบิด เป็นถังแก๊สขนาด 15 กก. น้ำหนักระเบิดที่บรรจุประมาณ 30-50 กก. จุดชนวนยังไม่พบอุปกรณ์จุดชนวน เบื้องต้นน่าเชื่อว่าเป็นวิทยุสื่อสารซึ่งระเบิดครั้งนี้ทำให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นละเอียดมาก ไม่สามารถเก็บได้ นอกจากนั้น คนร้ายใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง เป็นรถจักรยานยนต์ซูซูกิ สแมช สีน้ำเงินดำ ไม่มีป้ายทะเบียน เป็นรถที่คนร้ายขโมยมาจากตลาดนัด อ.สายบุรี เมื่อปี 2554 ซึ่งเจ้าของรถเป็นของ นางนุชนารถ เพ็ชรจินดา อายุ 80 ปี อาชีพค้าขาย ทะเบียนเดิม กลฉ 344 ปัตตานี แรงระเบิดทำให้แตกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ
นอกจากนั้น แรงระเบิดทำให้สายไฟฟ้า และสายโทรศัพท์เคลื่อนที่ขาดเสียหาย ทำให้สัญญาณไฟฟ้า และโทรศัพท์ไม่สามารถใช้การได้ชั่วคราว และทำให้อาคารสถานีสูบน้ำของสำนักงานประปาสายบุรี เสียหาย
ผู้สื่อข่าวปัตตานี รายงานว่า ผลจากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญระเบิดว่า คนร้ายได้นำระเบิดบรรจุแก๊สหุงต้ม 15 กก. และบรรจุระเบิด 30-50 กก. มาวางไว้ โดยใช้กระสอบ และหญ้ามาปิดบังไว้ ส่วนการประกอบระเบิดมีน้ำหนักมาก และถือว่าเป็นการระเบิดที่สมบูรณ์ที่สุดครั้งแรกที่ปัตตานี และมีอานุภาพรุนแรงมาก ทางด้านแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า คนร้ายมีการวางแผน และเตรียมการเป็นอย่างดี โดยใช้วิธีล็อกเป้าหมายโดยคนร้ายมาวางระเบิดก่อนที่ชุดปลัดอำเภอจะมาถึง เพียงไม่กี่นาที
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (16 ก.ค.) ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง มีการสนธิกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านเป้าหมาย 3 จุด ที่หมู่บ้าน ม.2 บ้านกูแว ต.กะดูนง อ.สายบุรี เป็นบ้านของนายกามีซัม และนายรอวี นอกจากนั้น ไปตรวจค้นที่บ้านนายมะนาเซ กาพา ที่ ม.5 บ้านกาหงส์ ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี ซึ่งเป็นลุงของนายอาฟันดี กาพา ซึ่งเป็นมือประกอบระเบิดที่เป็นตัวสำคัญ ที่คาดว่า เป็นผู้มีส่วนร่วมต่อการลอบวางระเบิดครั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เพียงอาทิตย์ที่ผ่านมา มี่นายอาฟันดี และพวก มีการเคลื่อนไหวในบริเวณดังกล่าว นอกจากนั้น ยังได้ตรวจค้นบ้าน นายอัสมาน เจะปา ซึ่งเป็นมือประกอบระเบิดเช่นกัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้ น่าจะเป็นกลุ่มนายอาฟันดี กาพา และ นายอัสมาน เจะปา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ข่าวหน่วยความมั่นคงแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะการลาดตระเวนถนนสาย 42 ปัตตานี-นราธิวาส เนื่องจากคนร้ายได้มีการลอบวางระเบิด บนถนนเส้นทางสาย 42 จำนวนหลายจุด ตั้งแต่เขตอำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ดังนั้น ให้ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง
