ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ต นำทีมตรวจสอบร้านอาหารแหลมกาน้อยซีฟูด ถมดิน หิน และก่อสร้างรุกล้ำลงไปในทะเลชายหาดแหลมกาน้อย ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต สั่งห้ามขายอาหารได้เฉพาะในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิเท่านั้น ส่วนพื้นที่ที่รุกล้ำมากว่า 40 ปี มอบให้เทศบาลราไวย์ ทำเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และจุดชมวิวของประชาชน
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (15 ก.ค.) นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นำคณะทหารจากกองกำลัง มทบ.41 ทัพเรือภาค 3 อำเภอเมืองภูเก็ต สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าท่าภูมิภาคภูเก็ต สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต ศูนย์ดำรงธรรม เทศบาลตำบลราไวย์ เข้าตรวจสอบร้านอาหาร “แหลมกาน้อยซีฟูด” ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากได้มีประชาชน ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ว่า มีนายทุนบุกรุกพื้นที่สาธารณะบริเวณชายหาด ในตำบลราไวย์ โดยเปิดเป็นร้านอาหารชื่อ “แหลมกาน้อยซีฟูด” โดยการบุกรุกเขตชายฝั่งด้วยการถมดิน และหินลงไปในทะเล ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตชายหาดนอกแนวที่ดินตามเอกสารสิทธิโฉนด ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามประกาศของ คสช.เรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าไม้ สำนักงานที่ดิน และพื้นที่ชายฝั่งทะเล ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงลงพื้นตรวจสอบตามการร้องเรียนดังกล่าว
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบการร้องเรียนของประชาชนมายังศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต พบว่า ร้านอาหารแหลมกาน้อยซีฟูด ตัวร้านอาหารนั้นตั้งอยู่ในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ แต่ได้มีการถมดิน และหินเพื่อทำที่กันคลื่นมาเป็นเวลานานกว่า 40 ปีแล้ว และจากการตรวจสอบพบว่า มีการถม และก่อสร้างล้ำลงมาในทะเลจริง ซึ่งขัดต่อกฎหมายของกรมเจ้าท่า ที่ห้ามมีการก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำ 20 เมตร ที่ระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด และการก่อสร้างที่รุกล้ำเข้ามาในบริเวณชายฝั่งทะเลนั้นไม่สามารถที่จะรื้อถอนได้แล้ว ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ได้มีการสั่งการให้ร้านอาหารเปิดให้บริการเฉพาะในส่วนที่เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ ไม่อนุญาตให้นำโต๊ะ เก้าอี้ มาตั้งในส่วนที่มีการถมทะเลเพื่อทำแนวกันคลื่นแต่อย่างใด
ส่วนพื้นที่ที่มีการถมในบริเวณชายฝั่งนั้น ได้มอบหมายให้เทศบาลตำบลราไวย์ ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ จัดทำเป็นสถานที่สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป เป็นที่สถานที่ในการนั่งชมวิวทิวทัศน์ เป็นต้น และทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่มาตรวจสอบเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการร้องเรียนที่จะเกิดขึ้นอีก และการดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ คสช.ในการแก้ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะ เหมือนกับที่ได้ดำเนินการจัดระเบียบชายหาดทุกหาดในจังหวัดภูเก็ต