xs
xsm
sm
md
lg

อช.สิรินาถ ขอคืนที่ดินอุทยานฯ ทำโครงการ “สร้างโบสถ์ สร้างมัสยิด ให้แก่แผ่นดิน”(ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ชี้แจงทำความเข้าใจชาวบ้าน 200 กว่าราย ที่ทำกินในเขตอุทยานฯ เพื่อขอคืนพื้นที่ทำโครงการ “สร้างโบสถ์ สร้างมัสยิด ให้แก่แผ่นดิน”

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (15 ก.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์ตรวจสอบเอกสารสิทธิฯ อุทยานแห่งชาติสิรินาถจังหวัดภูเก็ต นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายโกมินทร์ นพรัตน์ กำนันตำบลเชิงทะเล ชี้แจงทำความเข้าใจชาวบ้านกว่า 200 คน จากหมู่ที่ 2, 3, 4, 5, 6 9 ต.เชิงทะเล และหมู่ที่ 4 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กรณีอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จะมีการจัดทำโครงการ “สร้างโบสถ์ สร้างมัสยิด ให้แก่แผ่นดิน” ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันแม่ 12 สิงหาคม ซึ่งจะมีการขอคืนที่ดินว่างเปล่า หรือที่มีการใช้ประโยชน์ซึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เพื่อนำกลับมาเป็นสมบัติชาติ

นายกิติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ กล่าวว่า โครงการ “สร้างโบสถ์ สร้างมัสยิด ให้แก่แผ่นดิน” นั้น คือ การขอพื้นที่ที่อยู่ในเขตอุทยานสิรินาถฯ คืน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีชาวบ้านอาศัยอยู่ และมีการอ้างบันทึก 30 มิถุนายน 2541 ตามมติของคณะรัฐมนตรี ซึ่งให้ผู้ครอบครองอยู่ต่อได้ก่อนที่จะมีการจัดสรรที่ทำกินได้ก่อน เมื่อเวลาผ่านไปทำให้มีการขายทอดเปลี่ยนมือบ้าง ดังนั้น จึงมีการจัดทำโครงการดังกล่าว เพื่อขอนำที่ดินอุทยานฯ กลับมาเป็นสมบัติชาติอีกครั้ง โดยจะมีการปลูกป่าฟื้นฟู สร้างธรรมชาติ เป็นปอดให้แก่คนภูเก็ต ให้เป็นสมบัติของคนในประเทศ โดยขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ผู้ที่สมัครใจจะมอบที่ดินดังกล่าวก็ให้มาลงชื่อไว้ จากนั้นจะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าอยู่ในจุดใด ตำแหน่งใด แล้วจะมีการรังวัด และทำแผนที่เพื่อกันพื้นที่ไว้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการมอบคืนทั้งหมด แต่สามารถให้ตามกำลังความสามารถ เบื้องต้น มีผู้ประสงค์จะคืนที่ดินเข้าโครงการแล้วหลายราย จำนวนกว่า 100 ไร่

อย่างไรก็ตาม หัวหน้าอุทยานฯ ยังกล่าวว่า จากข้อมูลล่าสุดพบว่า มีชาวบ้านที่ครอบครองที่ดินในเขตอุทยาน จำนวน 287 ราย เนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่ ซึ่งบางส่วนเป็นผู้ที่ครอบครองเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และแนวทางหลังจากมีการดำเนินการตรวจสอบเอกสารสิทธิของนายทุนแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบเอกสารสิทธิในพื้นที่ทั้งหมดที่มีชาวบ้านครอบครอบ และอ้างสิทธิใช้ประโยชน์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานสามารถตรวจสอบได้ ทั้งภาพถ่ายทางอากาศ และข้อมูลอื่นๆ หากพบว่า มีการครอบครองภายหลังบันทึก 30 มิถุนายน 2541 ตามมติของคณะรัฐมนตรี จะถือเป็นความผิด หรือที่ดินที่อยู่ในช่วงบันทึก 30 มิถุนายน 2541 ที่เปลี่ยนมือซื้อขายให้บุคคลอื่น ก็ถือเป็นการสละสิทธิ จะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดี

ขณะที่ชาวบ้านหลายรายชี้แจงว่า การครอบครอง และทำประโยชน์ดังกล่าวมีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ และสืบทอดต่อกันมานานหลายรุ่น มีการเสียภาษี หรือ พง.ด.5 สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ พื้นที่ส่วนใหญ่ปัจจุบันยังคงเป็นสวนยางพารา สวนผลไม้ ทำการเกษตร ขนาดพื้นที่ครอบครองอยู่ที่รายละ 5-10 ไร่ แต่ขณะนี้คือ แต่ละผู้ครอบครองมีการแบ่งพื้นที่ให้ลูกหลานใช้ประโยชน์ ทำให้พื้นที่ครอบครองจากแปลงใหญ่ 10 ไร่ อาจเหลือเพียง 1-2 ไร่ เท่านั้น แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีการขายเปลี่ยนมือแต่อย่างใด


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น