ยะลา - พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.พร้อมคณะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตามนโยบายคณะ คสช. เพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ และมอบนโยบายการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่แก่พี่น้องมุสลิมในการปฏิบัติศาสนกิจช่วงเดือนรอมฎอน พร้อมย้ำการเจรจาสันติภาพยังเดินหน้าต่อ โดยมีประเทศมาเลเซียเป็นคนกลาง
วันนี้ (7 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.15 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก และคณะ ได้เดินทางไปยังกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อเข้าประชุมร่วมกับผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ ถึงผลงานในห้วงที่ผ่านมา ตามนโยบายของท่านผู้บัญชาการทหารบก โดยมีผู้แทนจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานตามนโยบาย จากนั้น พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา จชต. ได้มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงาน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยภายหลังประชุมว่า ในการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ท่านประธาน คสช. ต้องการให้การดำเนินงานแก้ปัญหากระชับขึ้น นำไปสู่การปฏิบัติที่ชัดเจนขึ้น ที่จะมีประธาน คสช. เป็นผู้มอบนโยบายโดยตรงลงไปสู่การขับเคลื่อน โดยเฉพาะหน่วยกำลังในพื้นที่ คือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งเป็นหน่วยกำลังที่สำคัญ มีแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้รับผิดชอบการบูรณาการในภาพรวม ฉะนั้น การทำงานที่ผ่านมาของแต่ละหน่วยงานที่อาจจะไม่สอดคล้องกัน ซึ่งเมื่อได้สั่งการโดยตรงก็จะทำให้มีความชัดเจนมากขึ้น ที่ตนเองเชื่อว่าหลังจากที่ท่าน ผบ.ทบ. ได้สั่งให้ปรับโครงสร้างการทำงานในครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นผลสำเร็จ และเป็นประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม
“ส่วนกรณีแนวทางการพูดคุยเพื่อสันติสุขนั้น ก็ยังคงจะมีอยู่ ตนขอยืนยันว่า ในทางปฏิบัตินั้นก็คงจะให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ในห้วงที่ผ่านมา ที่มีการดำเนินการไปก็ถือว่าได้ผลในระดับหนึ่ง ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ขณะนี้ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบในการวางยุทธศาสตร์ในเรื่องนี้ โดยจะมี กอ.รมน. เข้ามาร่วมด้วย ที่ล่าสุด ได้มีการกำหนดขั้นตอนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำความเข้าใจ การไว้เนื้อเชื่อใจกันให้เกิดขึ้นในฝ่ายที่เห็นต่าง ซึ่งอาจจะมีหลายกลุ่มที่จะพยายามนำหลายๆ กลุ่มเข้ามาพูดคุยกัน ที่อาจจะต้องมีการพูดคุยในระดับบน อย่างที่ผ่านมา โดยจะมีประเทศมาเลเซียเป็นตัวกลางในฐานะผู้อำนวยความสะดวก ซึ่งยังคงกำหนดให้มาเลเซีย เป็นตัวกลางให้อยู่เหมือนเดิม นอกจากนั้น ในพื้นที่เองก็จะมีการดำเนินการควบคู่ไปด้วยเช่นกัน รวมทั้งการดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัย เสริมสร้างความมั่นคง ความปลอดภัยให้แก่พี่น้องทุกภาคส่วน ที่หวังว่าภาพเหล่านี้ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ” รอง ผบ.ทบ.กล่าว
ต่อมา เมื่อเวลา 14.30 น. มัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. ในฐานะประธานขับเคลื่อนการแก้ปัญหา พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 และคณะ ได้เดินทางไปพบปะผู้นำศาสนา และประชาชนในพื้นที่ จ.ยะลา พร้อมมอบสิ่งของเนื่องในโอกาสเดือนรอมฎอน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติศาสนกิจ โดยมี นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา พล.ต.เกษม ธนาภรณ์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ยะลา นายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา นายนิมิง นิมูดอ อิหม่ามมัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา คณะกรรมการมัสยิดกลางยะลา ผู้นำศาสนา ประชาชน ในพื้นที่จังหวัดยะลา ร่วมให้การต้อนรับ โดย นายนิมิง นิมูดอ อิหม่ามมัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา ได้บรรยายสรุปการดำเนินงานของมัสยิดกลางยะลา จากนั้นผู้นำศาสนาในพื้นที่ยะลา ได้ร่วมกันสวดดูอาร์ขอพรให้แก่รอง ผบ.ทบ.และคณะ
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.กล่าวกับผู้นำศาสนาว่า ท่านหัวหน้าคณะ คสช.เป็นห่วงใยผู้นำศาสนาในพื้นที่ และเนื่องในโอกาสเดือนรอมฎอน จึงได้มอบหมายให้ตัวเองมาเยี่ยมเยียน พบปะกับผู้นำศาสนาในพื้นที่ และขอให้ผู้นำศาสนา ประชาชนชาวไทยมุสลิม ปฏิบัติศาสนกิจในเดือนรอมฎอนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี โดยทางคณะ คสช.พร้อมที่จะดำเนินการให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่ แต่อย่างไรก็ตาม การที่เราเป็นประเทศไทยนั้น คือ การรวมกัน รักใคร่ สามัคคี ปรองดองกันไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม เป็นคนไทยด้วยกันต้องอยู่ร่วมกันให้ได้