ระนอง - ทหาร ร.25 พัน 2 สนธิกำลังร่วม ตชด.415 ระนอง ลงพื้นที่ตรวจสอบรุกป่าไม้ หลังผู้จัดการศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตชายแดนไทย-พม่า เข้าร้องเรียนถูกปองร้ายจากกลุ่มนายทุน หลังเข้าไปต่อต้านการบุกรุกป่าในพื้นที่ ทหารลั่นต้องเอาผืนป่าคืนจากนายทุน พร้อมจับกุมผู้กระทำผิดให้ได้
วันนี้ (2 ก.ค.) ร.อ.อินทัช รอดทอง ผบ.ร้อยรักษาความสงบจังหวัดทหารบกชุมพร (ร.25 พัน 2) ได้รับการร้องเรียนจากนายสมรรถชัย พวงผ่อง ผู้จัดการศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตชายแดนไทย-พม่า (ศูนย์ทุ่งคา) ว่า ตัวเองเป็นแกนนำคัดค้านกลุ่มนายทุนที่เข้ามาทำการบุกรุกป่าในที่ โดยนายทุนกลุ่มดังกล่าวมีทั้งอดีตนักการเมืองท้องถิ่น นายทุน ข้าราชการท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ป่าไม้เจ้าของพื้นที่ มีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่น-ราชกรูด จำนวน 2 จุด โดยจุดแรกมีการตัดไม้ขนาดใหญ่เพื่อเตรียมสร้างรีสอร์ต จุดที่ 2 อ้างว่าจะแจกจ่ายให้แก่ประชาชนผู้ยากจน เมื่อตนขัดขวางจึงถูกกลุ่มนายทุนขู่จะทำร้ายจนไม่สามารถสอนหนังสือ และนอนในโรงเรียนได้
หลังได้รับแจ้งจึงได้รายงานให้ พล.ต.มนัส คงแป้น ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกชุมพร พ.อ.ฐิติพงษ์ อินวะสา ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 25 ทราบ จากนั้นนำกำลังสนธิกับตำรวจตระเวนชายแดนที่ 415 ระนอง เข้าตรวจสอบการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่ ม.1 บ้านทุ่งคา ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนอง พบพื้นที่ภูเขาด้านหลังของศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตชายแดนไทย-พม่า ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ มีการบุกรุกป่าโดยการตัดต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก เกือบจะหมดทั้งภูเขา เนื้อที่ที่ถูกทำลายรวมประมาณ 4 ไร่เศษ ตามที่ได้รับร้องเรียนจริง
ร.อ.อินทัช กล่าวว่า จากการตรวจสอบในจุดแรกนี้พบว่า กลุ่มนายทุนมีการตัดต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากออกไปนอกพื้นที่ ส่วนต้นไม้ขนาดเล็กที่ใช้การไม่ได้ใช้วิธีการเผา มีการนำหลักหมุดของ ส.ป.ก.มาปัก พร้อมทั้งมีการนำเสามาปักแสดงอาณาเขต ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า พื้นในบริเวณนี้มีรอบต่อกับพื้นที่ของศูนย์พัฒนาฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ราชพัสดุ แต่พื้นที่ที่ถูกบุกรุกนี้เป็นพื้นที่ป่าสงวน จึงได้เชิญผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และสายตรวจป่าไม้เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าผิดจริง มีกลุ่มนายทุนกลุ่มดังกล่าวที่ร่วมกันจริง แต่ทั้งนี้จะต้องเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกรมธนารักษ์ ป่าไม้เจ้าของพื้นที่ และ ส.ป.ก.เข้าตรวจสอบเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง
ส่วนอีกจุด จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า เป็นพื้นที่ซึ่งมีการบุกรุกมานานของนายทุน และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่มานานแล้ว จนเกือบไม่เหลือสภาพป่า จากนั้นมีการวางแผนร่วมกันเพื่อทำให้พื้นที่ถูกต้อง โดยได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 33 แปลง อ้างว่าแบ่งให้แก่ประชาชนผู้ยากจน จำนวน 33 คน แต่จากการตรวจสอบรายชื่อ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นนายทุน คนรวย เช่น เจ้าของขายร้านทอง อดีตนักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเกือบทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนรวยทั้งนั้น ในจุดนี้จะต้องหาหลักฐานเพิ่ม เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อจะได้เอาผิดต่อกลุ่มคนดังกล่าว และนำผืนป่ากลับคืนมาจากกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการปราบปรามผู้บุกรุกป่า
ขณะที่ นายสมรรถชัย กล่าว่า ตนเองกับชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยต่อการบุกรุกป่าของกลุ่มนายทุน แต่ทำได้เพียงการคัดค้าน เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีทั้งอดีตนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ ผู้นำชุมชนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และนายทุน ร่วมกันบุกรุกทำลายป่าตัดต้นไม้เพื่อทำรีสอร์ต และแบ่งที่กัน เมื่อตนคัดค้ามมากๆ ก็ถูกขู่ทำร้ายจนไม่สามารถทำการสอนนักเรียนได้ กลางคืนไม่กล้านอนในโรงเรียนเนื่องจากกลัวจะโดนทำร้าย ซึ่งเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวก็มาเตือนให้ตนเองหนี จึงต้องมาพึ่งทหารให้ช่วยแต่ตนเองจะไม่หนีไปไหนแม้จะต้องตาย จะขอคัดค้านการบุกรุกป่าแห่งนี้ต่อไป ไม่อย่างนั้นป่าตรงบริเวณนี้คงหมดแน่ๆ