ตรัง - คนขายลอตเตอรี่รายย่อยโวยแหลก หลังรัฐบาลกำหนดขายใบละ 80 อยู่ไม่ได้ คงต้องเลิกอาชีพ หมดหนทางทำมาหากิน วอนเห็นใจแก้ปัญหาต้นเหตุกองสลากขายให้ถูกลง ช่วยให้คนมีงานทำ
วันนี้ (1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือลอตเตอรี่ โดยเฉพาะที่ตลาดสดเทศบาลนครตรัง ซึ่งมีแผงขายลอตเตอรี่อยู่จำนวนมาก โดยทุกแผงบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า การค้าขายลอตเตอรี่ตามที่ คสช. สั่งให้ขายสลากในราคาใบละ 80 บาท คงทำไม่ได้เพราะขาดทุน เนื่องจากมีกำไรแค่เพียงใบละ 3-5 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มต่อค่าใช้จ่าย หรือแผงบางรายถึงกับคิดจะหยุดขาย และไปหางานอื่นทำแทน พร้อมทั้งเห็นว่า คสช.ควรหารือกับกองฉลาก หรือยี่ปั๊ว เพื่อหาราคาที่เหมาะสมจะดีกว่า
นางวงเดือน ปลัดกอง แม่ค้าขายลอตเตอรี่ วัย 29 ปี บอกว่า ตนประกอบอาชีพนี้มา 6 ปีแล้ว ถ้ารัฐบาลกำหนดให้ขายใบละ 80 บาท คงต้องกลับไปทำนาที่บ้านที่จังหวัดเลย ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าจะมีรายได้เพียงพอหรือไม่ เพราะมีภาระที่ต้องรับผิดชอบอีกมาก โดยปัจจุบันมีคนภาคเหนือ และภาคอีสานที่มาประกอบอาชีพขายลอตเตอรี่ที่ จ.ตรัง ที่มีรวม 86 คน ก็คงต้องกลับบ้านทั้งหมด ซึ่งในแต่ละงวดจะมียอดขายอยู่ที่ 400-600 ใบต่อคน แล้วแต่ความสามารถ และหลังจากหักต้นทุนแล้ว ก็แค่พอมีกำไรได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
ด้าน นายทักษิณ เจือกโว้น อายุ 50 ปี พ่อค้าลอตเตอรี่เปิดเผยว่า การจัดระเบียบค้าขายลอตเตอรี่ โดยเฉพาะราคาขายปลีกนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ปัจจุบันต้นทุนมีราคาสูงตั้งแต่ต้นทาง โดยเมื่อมาถึงมือพ่อค้าปลีก ถ้าเป็นหวยชุดจะมีราคาสูงกว่า 92.75 บาท แล้วถ้าขายเป็นใบ ตกราคาคู่ละ 91.50 บาท ซึ่งหากจะให้พวกตนเองขายปลีกที่คู่ละ 80 บาท ก็ต้องควบคุมราคาส่งให้ไม่เกินคู่ละ 75 บาท พวกตนเองจึงจะอยู่ได้ แต่ถ้ายี่ปั๊วมาส่งอยู่ที่ 77 หรือ78 บาท ก็คงอยู่ไม่ได้ และถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงมีคนตกงานเพิ่มขึ้น
