ปัตตานี - เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารร่วมสนธิกำลังหลายฝ่ายกลับเข้าตรวจค้นบ้านพัก “เสี่ยโจ้” ผู้มีอิทธิพลใหญ่เมืองปัตตานีอีกรอบ เบื้องต้นพบบัญชีธนาคารมียอดเงินหมุนเวียนกว่า 150 ล้านบาท ตู้เซฟขนาดใหญ่ 4 ตู้ ยัดเงินสดกว่า 30 ล้านบาท ด้านเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 4 ปัตตานีเข้าตรวจสอบ “ใบเบิกทางนำไม้” เพื่อตรวจที่มาไม้ทั้งหมดกว่า 1 หมื่นท่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า หลังจากที่ทหารปฏิบัติตามคำสั่งของ คสช. ฉบับที่ 16 และใช้อำนาจกฎอัยการศึก ได้เข้าไปตรวจค้น และตรวจสอบ หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ อายุ 44 ปี ซึ่งตั้งอยู่เขตอุตสาหกรรมของ อบจ.ปัตตานี เลขที่ 103/49 ถ.นาเกลือ ม.8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี พบไม้หวงห้าม และการประกอบถังเหล็กขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำมัน รวมทั้งการดัดแปลงเรือเพื่อบรรทุกน้ำมัน จำนวน 5 ลำ พบเงินสดสกุลต่างๆ ภายในห้องนอนในบ้านหลังดังกล่าวมีจำนวนนับร้อยล้านบาท ยังพบหลักฐานสำคัญเป็นดวงตรายาง ซึ่งเป็นตราประทับเข้าออกด่านของชายแดนต่างๆ ในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นจาการตรวจสอบพบว่าเป็นของปลอม
ล่าสุด วันนี้ (20 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา พ.อ.จตุพร กลัมพสุต รอง ผบ.กองกำลังทหารพราน และเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน คณะทำงานพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กว่า 30 นาย ได้นำตัวนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ ที่ถูกควบคุมตัว นำมาที่ หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ ตั้งอยู่เขตอุตสาหกรรมของ อบจ.ปัตตานี เลขที่ 103/49 ถ.นาเกลือ ม.8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี อีกครั้ง เพื่อเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติม พร้อมระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจคนเข้าเมืองปัตตานี หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 4 (สปป.ที่ 4 ภาคใต้) หน่วยป้องกันรักษาป่าปัตตานี เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัด เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด สำนักงานพลังงานปัตตานี และหลายหน่วยงานได้เข้าไปตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ที่อยู่ในสำนักงาน
รวมทั้งตรวจสอบใบอนุญาตการซื้อไม้หวงห้าม พบบัญชี ใบเสร็จ และบัญชีรายจ่าย รายรับ รวมทั้งสมุดธนาคาร ที่มีเงินหมุนเข้าออกเป็นจำนวนมากของแต่ละวันประมาณ 150 ล้านบาท และค้นห้องส่วนตัว พบตู้เซฟขนาดใหญ่ จำนวน 4 ตู้ พบว่าภายในมีเงินหลายสกุล ทั้งเงินดอลลาร์ เงินริงกิต และเงินไทยเป็นจำนวนมาก โดยขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ธนาคารนำเครื่องนับเงินมาช่วยนับได้เพียง 2 ตู้ รวมเป็นเงินประมาณ 30 ล้านบาท และมีหลักฐานอีกหลายชิ้นที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี ซึ่งเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ได้เก็บหลักฐานเพื่อตรวจสอบต่อไป
จากนั้น นายประมวล สังข์ทอง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 4 (สปป.4 ภาคใต้) ร่วมกับหน่วยป้องกันและรักษาป่าปัตตานี (ปน2 ทรายขาว) ได้มาตรวจสอบไม้ว่าตรงกับเอกสาร “ใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่” ซึ่งมีเป็นจำนวนมากประมาณ 1 หมื่นกว่าท่อน มีเอกสารใบเบิกทางหลายปี แต่เจ้าหน้าที่เลือกตรวจสอบเอกสารเฉพาะระหว่างปี พ.ศ.2556-2557 เนื่องจากมีเอกสารบางส่วนได้เข้ามาตรวจสอบเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2555 หลังจากที่มีการสนธิกำลังเข้าตรวจค้นมาแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นไม้ตะเคียนลาวมีขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้มีการตรวจสอบมาแล้ว จำนวน 150 ท่อน ทั้งมีหลักฐานและไม่มีหลักฐาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้ที่นำเข้ามาจากประเทศลาว คาดว่าต้องใช้เวลานานเป็นเดือนในการตรวจสอบไม้ที่มีอยู่ในขณะนี้