ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทัพเรือภาคที่ 3 เร่งสางปัญหาผู้มีอิทธิพลทางทะเล พบมีปัญหาการร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก พร้อมบูรณาการหน่วยงานฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม บริหารจัดการท่องเที่ยว
พล.ร.ท.ธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า จากการที่ประธานคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ และแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้นโยบายการรักษาความสงบ เน้นพื้นที่ทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนอง จนถึงจังหวัดสตูล มีอาณาบริเวณประมาณ 30,000 ตารางไมล์ทะเล ทัพเรือภาคที่ 3 กองทัพเรือ รับมอบนโยบายดังกล่าว และเชิญหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง ประกอบด้วย กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมที่ดิน ตำรวจน้ำ และหน่วยงานที่ร่วมกันดูแลทรัพยากรทั่วไป โดยมีหน่วยหลัก คือ กองทัพเรือ ประชุมร่วมกันที่กองบัญชาการ ทัพเรือภาคที่ 3 วันนี้ (13 มิ.ย.)
ดังนั้น ภัยคุกคามหรือปัญหาความไม่สงบภายในบ้านเมือง มีหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วย โดยหน่วยหลักคือ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตำรวจน้ำ กรมที่ดิน และหน่วยงานที่ดูแลทรัพยากรทั่วไป สภาพปัญหาที่ผ่านมามีประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก เช่น การทำลายทรัพยากรทางทะเล การจอดเรือไม่เป็นระเบียบ การทำลายปะการัง การจัดการนักท่องเที่ยว เป็นต้น จึงต้องการดำเนินการให้เกิดความชอบธรรม และสงบเรียบร้อย
การประชุม และมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานให้รักษาหน้าที่ให้เต็มความสามารถ โดยกองทัพเรือ ได้รับมอบให้ดูแลผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อุทยาน ป่าไม้ ประมง ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แนวปะการัง สัตว์น้ำ เป็นต้น ที่สำคัญปัญหาความไม่ชอบมาพากลของผู้มีอิทธิพลที่เกาะกินบ้านเมืองมานานนั้น สิ่งเหล่านี้ทางหน่วยเหนือต้องการให้ทัพเรือภาคที่ 3 ดำเนินการ ทั้งนี้ จะพยายามทำให้ดีที่สุด รวมทั้งจะเข้าไปดูแลการทำลายสภาวะแวดล้อมของเรือน้ำมัน กรณี น้ำมันไหล กรณีจอดเรือไม่เป็นระเบียบให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อให้สภาวะแวดล้อมดีขึ้น ส่งเสริมรายได้ด้านการท่องเที่ยว หากไม่ดูแลสภาวะแวดล้อมจะเกิดความไม่สงบ ทำให้รายได้การท่องเที่ยวลดลง
พล.ร.ท.ธราธร กล่าวอีกว่า การบูรณาการแก้ปัญหาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และจัดการกลุ่มผู้มีอิทธิพลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นมีแผนกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินการ ในระยะแรกแก้ปัญหาฉุกเฉิน ส่วนระยะกลาง ถึงระยะยาว มีแผนกำหนดตั้งแต่ปี 2556 ถึงปี 2567
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทัพเรือภาคที่ 3 ได้เชิญหน่วยงานการท่องเที่ยว 5 จังหวัดฝั่งอันดามัน ยกเว้น จังหวัดสตูล ประชุมรับฟังความคิดเห็นด้านการท่องเที่ยว ที่ประชุมมีการเสนอข้อคิดเห็นที่ดีมาก เน้นการจัดการท่องเที่ยวในเชิงมั่นคง และเชิงพอเพียง หรือการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดนี้จะนำเสนอ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ต่อไป และขอให้ประชาชนอุ่นใจในการปฏิบัติงานของทัพเรือภาคที่ 3 หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-7639-1598 ปฏิบัติงานกัน 24 ชั่วโมง หรือต้องการแจ้งเบาะแสข้อมูลต่างๆ แต่ไม่ต้องการจะเอ่ยนาม ทางทัพเรือภาคที่ 3 มีช่องความลับให้ เพื่อรับข้อมูลต่างๆ ทั้งนี้ ทัพเรือภาคที่ 3 กองทัพเรือจะดูแลประชาชนให้เกิดความสงบร่มเย็นมากที่สุด
พล.ร.ท.ธราธร ขจิตสุวรรณ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า จากการที่ประธานคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ และแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้นโยบายการรักษาความสงบ เน้นพื้นที่ทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัดระนอง จนถึงจังหวัดสตูล มีอาณาบริเวณประมาณ 30,000 ตารางไมล์ทะเล ทัพเรือภาคที่ 3 กองทัพเรือ รับมอบนโยบายดังกล่าว และเชิญหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง ประกอบด้วย กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมที่ดิน ตำรวจน้ำ และหน่วยงานที่ร่วมกันดูแลทรัพยากรทั่วไป โดยมีหน่วยหลัก คือ กองทัพเรือ ประชุมร่วมกันที่กองบัญชาการ ทัพเรือภาคที่ 3 วันนี้ (13 มิ.ย.)
ดังนั้น ภัยคุกคามหรือปัญหาความไม่สงบภายในบ้านเมือง มีหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วย โดยหน่วยหลักคือ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตำรวจน้ำ กรมที่ดิน และหน่วยงานที่ดูแลทรัพยากรทั่วไป สภาพปัญหาที่ผ่านมามีประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก เช่น การทำลายทรัพยากรทางทะเล การจอดเรือไม่เป็นระเบียบ การทำลายปะการัง การจัดการนักท่องเที่ยว เป็นต้น จึงต้องการดำเนินการให้เกิดความชอบธรรม และสงบเรียบร้อย
การประชุม และมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานให้รักษาหน้าที่ให้เต็มความสามารถ โดยกองทัพเรือ ได้รับมอบให้ดูแลผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อุทยาน ป่าไม้ ประมง ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แนวปะการัง สัตว์น้ำ เป็นต้น ที่สำคัญปัญหาความไม่ชอบมาพากลของผู้มีอิทธิพลที่เกาะกินบ้านเมืองมานานนั้น สิ่งเหล่านี้ทางหน่วยเหนือต้องการให้ทัพเรือภาคที่ 3 ดำเนินการ ทั้งนี้ จะพยายามทำให้ดีที่สุด รวมทั้งจะเข้าไปดูแลการทำลายสภาวะแวดล้อมของเรือน้ำมัน กรณี น้ำมันไหล กรณีจอดเรือไม่เป็นระเบียบให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อให้สภาวะแวดล้อมดีขึ้น ส่งเสริมรายได้ด้านการท่องเที่ยว หากไม่ดูแลสภาวะแวดล้อมจะเกิดความไม่สงบ ทำให้รายได้การท่องเที่ยวลดลง
พล.ร.ท.ธราธร กล่าวอีกว่า การบูรณาการแก้ปัญหาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และจัดการกลุ่มผู้มีอิทธิพลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นมีแผนกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินการ ในระยะแรกแก้ปัญหาฉุกเฉิน ส่วนระยะกลาง ถึงระยะยาว มีแผนกำหนดตั้งแต่ปี 2556 ถึงปี 2567
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทัพเรือภาคที่ 3 ได้เชิญหน่วยงานการท่องเที่ยว 5 จังหวัดฝั่งอันดามัน ยกเว้น จังหวัดสตูล ประชุมรับฟังความคิดเห็นด้านการท่องเที่ยว ที่ประชุมมีการเสนอข้อคิดเห็นที่ดีมาก เน้นการจัดการท่องเที่ยวในเชิงมั่นคง และเชิงพอเพียง หรือการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดนี้จะนำเสนอ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ต่อไป และขอให้ประชาชนอุ่นใจในการปฏิบัติงานของทัพเรือภาคที่ 3 หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-7639-1598 ปฏิบัติงานกัน 24 ชั่วโมง หรือต้องการแจ้งเบาะแสข้อมูลต่างๆ แต่ไม่ต้องการจะเอ่ยนาม ทางทัพเรือภาคที่ 3 มีช่องความลับให้ เพื่อรับข้อมูลต่างๆ ทั้งนี้ ทัพเรือภาคที่ 3 กองทัพเรือจะดูแลประชาชนให้เกิดความสงบร่มเย็นมากที่สุด
