พัทลุง - เอไอเอสปักเสาสัญญาณสามจีใกล้พื้นที่ชุมชน ชาวบ้านเขาชัยสน และเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านท่านางพรหม มีอาการปวดศีรษะนับสิบราย แพทย์ระบุเกิดจากกล้ามเนื้อในสมองเกร็ง
วันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เด็กนักเรียนโรงเรียนชั้นประถมปีที่ 1-6 ของโรงเรียนบ้านท่านางพรหม รวมทั้งชาวบ้านหมู่ 8 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ได้มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงมากขึ้นกว่าทุกวันที่ผ่านมา โดยในวันนี้เด็กนักเรียนกว่า 20 คน ต้องมานอนพัก และในห้องปฐมพยาบาล และบางรายอาการหนักต้องส่งโรงพยาบาลเขาชัยสน โดยแพทย์ระบุว่า เกิดจากกล้ามเนื้อในสมองเกร็งจึงให้ยามารับประทานที่บ้านเพื่อรอดูอาการ
โดยครูประจำชั้นบอกว่า หลังจากเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเครือข่ายโทรศัพท์ ค่ายเอไอเอสได้ทำการเปิดสันญาณในระบบสามจีขึ้น ซึ่งเสาสัญญาณอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 150 เมตร ทำให้เด็กมีอาการปวดศีรษะวันละ 6-8 ราย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เด็กไม่เคยมีอาการดังกล่าว แต่บางรายเมื่อกลับถึงบ้านอาการปวดหัว และอาเจียนได้หายไป ซึ่งคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากกระแสสัญญาณโทรศัพท์คลื่นความถี่แรง ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงอย่างแน่นอน
ด้านนางอุไรวรรณ รองเลื่อน อาย 61 ปี และนางวิไล ชูดำ อายุ 70 ปี ชาวบ้านที่มีบ้านตั้งอยู่ใกล้กับเสาสัญญาณโทรศัพท์ เพียง 20 เมตร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยมีอาการใดๆ แต่พอเอไอเอสมาเปิดเครือข่ายสามจีได้เพียง 2 สัปดาห์ ตนเกิดอาการปวดศีรษะ มือชา และแน่นหน้าอกไปหาหมอที่โรงพยาบาลเขาชัยสน แพทย์ระบุเกิดจากกล้ามเนื้อในสมองเกร็ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็น ยิ่งตอนกลางคืนนั้นจะมีอาการปวดศีรษะมากนอนไม่หลับ เหมือนกับชาวบ้านรายอื่นๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง จำนวน 20 หลังคาเรือน ก็มีอาการคล้ายกันเหมือนทุกคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่
จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดูแล และช่วยเหลือพร้อมทั้งเจ้าของสัญญาณโทรช่วยปรับลดความถี่ลงหน่อย และทุกวันนี้เมื่อตกค่ำ ต้องย้ายที่นอนจากบ้านไปนอนอาศัยบ้านญาติ เนื่องจากปวดศีรษะ และนอนไม่หลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า จากการสอบถามถึงกรณีดังกล่าว ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า เหตุการณ์แบบนี้ยังไม่เคยจอมาก่อนว่าสาเหตุมาจากอะไร แต่จากการรายงานของแพทย์ระบุว่า ผู้ป่วยมีอาการกล้ามเนื้อในสมองเกร็ง และอาเจียน ซึ่งหลังจากได้รับรายงานจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอีกครั้งว่าสัญญาณโทรศัพท์จะเป็นตัวทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่