xs
xsm
sm
md
lg

ร้องสื่อเจ้าหนี้นครศรีฯ โหด! ขาดส่ง 4 วันยึดรถ ทำร้ายร่างกาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นครศรีธรรมราช - ท้าทายกฎหมายเหยื่อถูกคุกคามจากเจ้าหนี้นอกระบบ ขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าวเพื่อความปลอดภัย หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย และชิงเอารถยนต์หายไป โดยได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแต่ยังไม่คืบหน้า

วันนี้ (6 มิ.ย.) นางพนารัตน์ พลายชุม อายุ 46 ปี ชาวอำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าวเนื่องจากเกรงว่าชีวิตจะตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่เงินกู้นอกระบบทำร้าย และชิงเอารถยนต์กระบะหายไป และเมื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วยังไม่มีความคืบหน้าในการตามหารถคืน

นางพนารัตน์ เปิดเผยว่า ได้กู้ยืมเงินนอกระบบมาค้าขายจากนายทุนเงินกู้รายหนึ่งย่านสะพานยาว ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จำนวนเงิน 5 หมื่นบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 30 ต่อเดือน ซึ่งจะต้องผ่อนชำระเป็นรายวันตกวันละ 1,800 บาท เป็นเงินต้น 1 พันบาท และดอกเบี้ย 800 บาท หลังจากผ่อนได้ระยะหนึ่งได้ประสบปัญหาไม่สามารถหมุนเงินได้ทันขาดส่งไป 4 วัน นายทุนรายนี้ได้เรียกเข้าไปพบ และปิดประตูห้องก่อนทำร้ายร่างกาย โดยขณะนั้นได้ทำกุญแจรถยนต์กระบะอีซูซุ ทะเบียน บฉ 8454 นครศรีธรรมราช หล่นลงบนพื้นปรากฏว่า ลูกน้องของนายทุนรายนี้ได้หยิบชิงเอากุญแจรถไป และนำไปขับรถยนต์คันนี้ที่จอดอยู่หน้าบ้านหายไป

ขณะเดียวกัน ยังถูกบังคับข่มขู่ว่าในกระเป๋ามีอาวุธปืน และให้ทำบันทึกกู้ยืมเงินใหม่เป็นจำนวน 5 หมื่นบาท ทั้งที่ได้ผ่อนส่งมาระยะหนึ่งแล้ว โดยยินดีที่จะคืนเงินที่เหลือแต่เนื่องจากหมุนเงินไม่ทันเพียง 4 วัน กลับถูกข่มขู่ทำร้าย และชิงเอารถยนต์ไป โดยเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงของวานนี้ (5 มิ.ย.) หลังจากนั้น ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ปรากฏว่า ตำรวจที่เข้าไปติดตามเรื่องนี้ยังบ้านของนายทุนเงินกู้รายนี้กลับรู้จักกับนายทุนอีก กลับต่อว่าต่อขานในทำนองว่าไปยืมเงินเขาเอง โดยไม่ได้สนใจติดตามรถยนต์ที่ถูกชิงเอาไป ขณะที่นายทุนอ้างว่า เป็นการยินยอมให้รถยนต์ไปเองซึ่งไม่เป็นความจริง โดยตำรวจได้นัดให้ไปพบอีกครั้ง

นางพนารัตน์ ยังระบุด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ยอมรับว่าเป็นหนี้จริง และไม่ใช่ว่าจะไม่คืนเงินต้องการคืนเงินเพียงแต่ติดขัดจริงเพียงแค่ 4 วัน กลับถูกกระทำอย่างนี้ ซึ่งไม่มีความปลอดภัยอีกแล้ว และเมื่อเข้าแจ้งต่อเจ้าหน้าที่กลับไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร อาจจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่มีงานอื่นที่สำคัญกว่า จึงเข้าร้องต่อผู้สื่อข่าวเพื่อความปลอดภัย
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น