ลำปาง - โอละพ่อ คดีเจ้าหนี้แสบทวงเงิน-ยึดรถจักiยานยนต์ 2 ผัวเมียชาวนาลำปาง สอบพบรู้จักกันดี เคยค้าข้าวด้วยกันมา ก่อนขอกู้เงินไปใช้หนี้เก่า ใช้รถไถจ่ายแทนส่วนหนึ่ง ยังค้างหนี้อีกเกือบครึ่ง แถมพร้อมใจช่วยยกรถจักรยานยนต์ให้ด้วยซ้ำ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (30 พ.ค.) พ.อ.ชัยณรงค์ แกล้วกล้า รอง ผบ.มทบ.32 ได้ชี้แจงกรณีข่าว เจ้าหนี้โหดบุกทวงเงินลูกหนี้ชาวนาถึง ธ.ก.ส.ผ่านทางประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปางเพื่อชี้แจงต่อสื่อมวลชน โดยยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์เจ้าหนี้ตามทวงเงินลูกหนี้ที่เป็นชาวนาตัวจริงและเป็นหนี้นอกระบบ ตามคำสั่งของ คสช.แต่อย่างใด
ทั้งนี้ เนื่องจาก พ.ต.อ.นิยม ด้วงสี รอง ผบก.ภ.ลำปาง ได้เข้าชี้แจงผลการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง และทางเจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวนายชวน ชัยเลิศ พร้อมภรรยา ซึ่งระบุว่าตนเองถูกเจ้าหนี้ทวงเงิน-ยึดรถจักรยานยนต์ ทั้งๆ ที่นำรถไถจ่ายแทนเงินกู้ยืมจำนวน 80,000 บาทไปแล้ว
พร้อมกันนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อให้เจ้าหนี้คือ นางแสงหล้า ไชยจุก เข้าไปให้ข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมกันที่ค่ายมณฑลทหารบกที่ 32 ในช่วงบ่ายวันนี้
จากการสอบสวนพบว่า ความขัดแย้งของคู่กรณี คือ นายชวน ชัยเลิศ อายุ 49 ปี ที่อ้างว่าถูกข่มขู่จากเจ้าหนี้ คือ นางแสงหล้า ไชยจุก อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ แท้จริงทั้งสองคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เคยทำธุรกิจรับซื้อข้าวจากชาวบ้านด้วยกัน แต่นายชวนมีปัญหาหนี้สินส่วนตัว จึงไปขอกู้เงินจากนางแสงหล้า และได้ยกรถไถนามูลค่า 8 หมื่นบาทใช้คืนไปบางส่วน แต่ยังเหลือหนี้ค้างอยู่ 4.7 หมื่นบาท
ในวันเกิดเหตุ (28 พ.ค.) ที่มีการจ่ายเงินตามใบประทวนรับจำนำข้าว นายชวน และนางแสงหล้า มานั่งกินข้าวด้วยกันที่หน้า ธ.ก.ส.เพื่อรอเบิกเงินใช้หนี้ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าจะเบิกได้ในวันถัดไป นายชวนจึงยอมให้นางแสงหล้ายกรถจักรยานยนต์ไป และนายชวนก็ช่วยยกขึ้นรถปิกอัพของนางแสงหล้าด้วยความสมัครใจก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ
ต่อมานายชวนได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าถูกข่มขู่ทวงหนี้ ที่ สภ.เมืองลำปาง ในเวลา 22.30 น.ของวันเดียวกัน
จากการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทราบอีกว่า นายชวนได้ขายบ้านที่อยู่ในปัจจุบันเพื่อไปอยู่ต่างจังหวัด ขณะที่นายธีระพงษ์ ก๋องวงศ์ ญาติของนางแสงหล้า ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง เพื่อทำบันทึกประจำวันว่า นายชวนได้ขอกู้เงินจากตนเองไปอีก 1.3 แสนบาท โดยไม่มีดอกเบี้ย ซึ่งนายชวนได้ใช้ใบประทวนรับจำนำข้าว สมุดฝากเงิน และเอทีเอ็ม ไว้เป็นประกัน
จากนั้นตำรวจจึงได้เรียกตัวนายชวนมาเจรจา และนายชวนได้จ่ายหนี้คืนให้นายธีระพงษ์ 105,000 บาท ส่วนที่เหลือนายธีระพงษ์ยอมยกหนี้ให้
ล่าสุดหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเจรจากันได้ข้อสรุปว่า นางแสงหล้า ไชยจุก เจ้าหนี้พร้อมยอมรับชำระหนี้จากลูกหนี้ 80,000 บาทด้วยรถไถนา และยอมคืนรถจักรยานยนต์ให้นายชวน แต่ขอร้องสื่อช่วยแก้ข่าวให้ตนเองด้วย เนื่องจากตนเองไม่ใช่แก๊งเงินกู้ ให้ยืมในฐานะคนรู้จัก ไม่ได้คิดดอกเบี้ยแต่อย่างใด แต่เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เพราะไม่สามารถติดต่อลูกหนี้ได้นานกว่า 6 เดือนแล้ว