พ่อ-แม่ “น้องเพลง” วอนอย่าปล่อยคดีเงียบหาย เตือน! ผู้ปกครองอย่าไว้ใจคนใกล้ชิด (ชมคลิป)

ตรัง - พ่อ-แม่ “น้องเพลง” หนูน้อยวัย 11 ปี เหยื่อถูกฆาตกรรมโหด เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของคดีนี้หลังไร้วี่แววฆาตกรมากว่าครึ่งเดือน วอนอย่าปล่อยให้คดีเงียบหายไป และเกิดขึ้นซ้ำอีก พร้อมเตือนผู้ปกครองอย่าไว้ใจคนใกล้ชิดเด็ดขาด

จากกรณีที่ “น้องเพลง” หรือ ด.ญ.เกตุมาตุ รำนา อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนดรุโณทัย ได้ถูกคนร้ายฆ่าอย่างโหดเหี้ยม แล้วนำศพมายัดท่อระบายน้ำ ทางเข้าวัดพระงาม ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมืองตรัง เพื่ออำพรางคดี เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา หรือผ่านพ้นมากว่าครึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ ถึงแม้จะมีการเรียกผู้ต้องสงสัยนับสิบคนมาสอบปากคำ และตรวจร่างกาย ท่ามกลางกระแสข่าวลือต่างๆ นานา รวมทั้งยังทำให้ชาวบ้านในชุมชนควนขัน ต้องอยู่กันอย่างหวาดผวา และระแวงต่อกันนั้น

วันนี้ (3 มิ.ย.) นายสุวัฒน์ และนางพนมวรรณ รำนา พ่อและแม่ของน้องเพลง ได้ออกมาเปิดใจถึงบุตรสาวคนโตที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับว่า โดยอุปนิสัยใจคอของน้องเพลงเป็นเด็กเรียบร้อย และเวลาจะออกไปไหนต้องขออนุญาตพ่อแม่ตลอด ซึ่งในวันพบศพเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งมาว่า พบศพน้องเพลงอยู่ในบริเวณวัดพระงาม ตนจึงเดินทางไปดู แต่เนื่องจากสภาพศพที่เน่าเปื่อยในขณะนั้นทำให้มองไม่ค่อยชัดว่าหน้าตาเป็นอย่างไร นอกจากจำเสื้อผ้าได้

นายสุวัฒน์ กล่าวว่า ล่าสุด ผลจากการชันสูตรศพของน้องเพลง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าเป็นการฆาตกรรมอำพรางศพ ด้วยการเอาศพไปซ่อนไว้ในท่อระบายน้ำ ส่วนความคืบหน้าของคดีไม่ได้แจ้งรายละเอียดผู้ต้องสงสัยเป็นที่ชัดเจน ซึ่งทางครอบครัวก็ต้องไว้ใจทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะดำเนินคดีไปได้ เพราะเห็นทำงานกันตลอด แต่เนื่องจากผู้ต้องสงสัยทุกคนที่เรียกไปซักประวัติทุกคน ขณะนี้ก็ยังคงให้การปฏิเสธ จึงอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมหลักฐานมาประกอบ

ดังนั้น พ่อแม่ของน้องเพลง จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของคดีแบบนี้เพราะมันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับสังคมไทย เพราะจริงๆ แล้ว จังหวัดตรัง เป็นจังหวัดที่น่าอยู่มาก และไม่เคยนึก หรือไม่เคยคาดการณ์ว่าจะมาเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ขึ้น อีกทั้งชาวบ้านภายในชุมชนควนขันต่างก็รู้จักดีทุกคน ทางครอบครัวจึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนช่วยกันทำคดีนี้ให้เป็นคดีตัวอย่าง โดยไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมาอีกในบ้านเมืองของเรา

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กทุกๆ คน คงรักลูกตัวเองเป็นธรรมดา ฉะนั้น นายสุวัฒน์ และนางพนมวรรณ รำนา จึงขอฝากให้ช่วยกันสังเกตพฤติกรรมของคนที่เรารู้จัก แต่อาจไม่รู้จักเขาดี หรือถ้าลูกมาเล่าอะไรให้ฟัง ก็พยายามซักถาม หรือสนใจในรายละเอียดต่างๆ ที่ลูกนำมาเล่าให้ฟัง เพราะหากสมมติว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกของเราแล้ว เราอาจบอกสิ่งต่างๆ ไม่ได้ละเอียด ตลอดจนพึงสังเกตพฤติกรรมของลูกให้มากขึ้น รวมทั้งคนใกล้ชิดที่มาปะปนอยู่ในสังคมครอบครัวของลูกเรา