นราธิวาส - แม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมโครงการกิจกรรมดะวะห์สัมพันธ์ ครั้งที่ 1 เพื่อความสันติสุข และปฏิเสธการใช้ความรุนแรง
วันนี้ (1 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่บริเวณสนามฟุตบอลองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ได้จัดให้มีโครงการกิจกรรมดะวะห์สัมพันธ์ ครั้งที่ 1 เพื่อความสันติสุข โดยมี พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธานในพิธี และมี นายนัฐพงศ์ ศิริชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกูเฮง ยะวอฮาซัน นายก อบจ.นราธิวาส ให้การต้อนรับ และมีกลุ่มดะวะห์ จากพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 10,000 คน โดยแบ่งเป็นภาคบรรยายศาสนา และเผยแพร่ศาสนาอิสลาม
พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวกับกลุ่มดะวะห์ว่า ทราบว่าคนในพื้นที่กว่า 80% นับถือศาสนาอิสลาม การฟื้นฟูเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ในทางศาสนาเป็นสิ่งที่ควรส่งเสริมอย่างยิ่ง เพราะกลุ่มดะวะห์ จะยึดหลักแนวทางศาสดาที่ถูกต้อง และการเผยแพร่ศาสนา สามารถที่จะสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนที่ยังหลงผิด และใช้ความรุนแรงให้เลิก หรือกลับใจเป็นคนดี
อีกทั้งเป็นแบบอย่าง ส่วนหนึ่งสามารถจะดึงเยาวชนให้เข้าใจหลักศาสนาที่แท้จริงอย่างถูกต้อง ปฏิเสธความรุนแรงได้ทุกรูปแบบ เพื่อดำรงหน้าที่ความดีงามในเส้นทางของพระเจ้า และเดือนที่จะมาถึงเป็นวันสำคัญของชาวมุสลิม คือ เดือนรอมฎอน เดือนศีลอด นับเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะถือเป็นเดือนแห่งการให้อภัย ที่จะทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
ทางด้านนายอารม ดาเจ อายุ 49 ปี เป็นคนในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา ดะวะห์ที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เปิดเผยว่า ดะวะห์สัญจร เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ เพราะเป็นกลุ่มดะวะห์เป็นองค์กร หรือกลุ่มแรกในประเทศไทยที่ให้การปฏิเสธการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทั้งในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ และทุกจังหวัดของประเทศไทย และเป็นกิจกรรมที่จะเข้าถึงประชาชน กลุ่มดะวะห์ทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนาแก่ชาวมุสลิมที่ยังขาดความเข้าใจในแนวทางศาสนาที่แท้จริง
ร่วมถึงผู้หลงผิด กระทำความชั่ว ให้มาประพฤติดีตามแนวทางศาสนาอิสลามที่ถูกต้อง และไม่เบี่ยงเบนศาสนาโดยเด็ดขาด และการดะวะห์ ไม่จำกัดแต่คนที่เป็นมุสลิม การเผยแพร่เพื่อศาสนิกอื่นเราก็ทำได้ เพราะเราบอกสิ่งดีงาม ละทิ้งความชั่วทั้งหลาย ซึ่งทุกคนแสวงหาความจริงและความสันติสุขอย่างแน่นอน
นายสูเด็ง เจาะรง หรือเตาะวอลี อายุ 63 ปี กลุ่มดะวะห์ ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส กล่าวว่า ทุกคนแสวงหาสันติภาพ ไม่ว่าจะนับถือศาสนาอะไร ศีลธรรมจริยธรรม ต้องเริ่มที่ใจตน หรือตนเอง และให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่คนในครัวเป็นหลัก สังคมทุกคนต้องรับผิดชอบ และทุกศาสนิกต้องอยู่ร่วมกันได้ในพื้นที่ แม้จะเกิดปัญหาความรุนแรง หรือเหตุความไม่สงบขึ้นรายวัน
คนอื่นเรียกเราว่า กลุ่มดะวะห์ แต่เราเรียกพวกเราเองว่า อูมัต คือ ผู้รับสนองเจตนารมณ์ศาสดาในการแพร่จริยธรรม แนวทางศาสดา ทำหน้าที่เผยแพร่ศาสนา ด้านครอบครัวและสังคม สิ่งยึดเหนี่ยวในหลักศาสนาอิสลามที่แท้จริง และจากการที่เราทำกิจกรรมดะวะห์สัญจร ในพื้นที่อื่น ผลที่ได้รับคือ เยาชนและประชาชนกลับใจเป็นคนดีจำนวนมาก ไม่ยุงเกี่ยวกับความรุนแรงอีก ซึ่งได้ผล และอยากให้หน่วยงานรัฐส่งเสริมให้มากขึ้น พร้อมทิ้งท้ายว่า ในบทของศาสนาอิสลาม ไม่เคยส่งเสริมใช้ความรุนแรงใดๆ ต่อมนุษยชาติ แต่ให้การแพร่เผยศาสนา และให้ความเมตาทุกคน