นครศรีธรรมราช - เกิดเหตุสาวหล่อวัย 17 ถูกฆ่าหมกท่อระบายน้ำกลางเมืองนครศรีฯ สภาพศพมีบาดเผลถูกตีด้วยของแข็ง คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 ชม. ด้านผู้เป็นพ่อหลังพบศพปล่อยโฮพร้อมโผเข้ากอดศพลูก สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุไปหาหอยกับเพื่อนชายในทุ่งนา คาดเพื่อนชายพยายามข่มขืนแต่ผู้ตายขัดขืนจึงก่อเหตุฆาตกรรมดังกล่าว
วันนี้ (19 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ต.สุริยน แกมทอง พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุพบศพถูกฆาตกรรมทิ้งอยู่ในท่อระบายน้ำคลองซอย ริมถนนสายวัดนารีประดิษฐ์ หมู่ที่ 4 ตำบลท่าไร่ อำเภอเมือง หลังจากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก. พ.ต.ท.วุฒิพงศ์ ฐิติสโรจน์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.วสันต์ แต่งเกลี้ยง พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่สืบสวน แพทย์เวรชันสูตร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิไต้เต๊กตึ๊ง เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
ในที่เกิดเหตุพบว่าอยู่บริเวณปากท่อคอนกรีตคลองซอยที่เชื่อมต่อกับคลองปากน้ำปากนคร พบศพทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.วาสนา โอษฐฤทธิ์ อายุ 17 ปีอยู่ 25/13 อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 6 ชม.อยู่ในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดแขนสั้น ใบหน้าบวดปูด มีบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งบริเวณใบหน้า โดยมีนายสุริยา โอษฐฤทธิ์ บิดาของผู้ตายที่มาดูศพลูกสาววิ่งลงไปกอดศพลูกโดยนั่งแช่อยู่ในโคลนรอแพทย์เวรเข้าทำการชันสูตรอยู่กว่า 2 ชม.ท่ามกลางความสลดของผู้พบเห็น
เบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลได้ความว่า น.ส.วาสนา ได้ออกมาจากบ้านพร้อมกับนายเอกพจน์ คชพราย อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกับครอบครัวของ น.ส.วาสนา เป็นอย่างดี โดยทั้งคู่ระบุว่าจะไปหาหอยนางรมในตำบลท่าไร่ แต่ช่วงดึกปรากฏว่า นายเอกพจน์ กลับบ้านไปเพียงคนเดียวโดยอ้างว่าได้ไปหาหอยในนากุ้งแต่ถูกเจ้าของนากุ้งใช้ปืนไล่ยิงจนวิ่งหนีแยกกับ น.ส.วาสนา ขณะที่นายสุริยา บิดาของ น.ส.วาสนา ไม่เชื่อที่นายเอกพจน์ พูดจึงเข้าไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ช่วงกลางคืน ส่วนนายเอกพจน์ ได้กลับบ้านและหายตัวออกไปจากบ้าน หลังจากนั้น ครอบครัวของ น.ส.วาสนา ได้ออกตามหาตั้งแต่ช่วงกลางคืนจนกระทั่งมาพบศพในท่อช่วงเกือบเที่ยงของวันนี้
พ.ต.ท.วสันต์ แต่งเกลี้ยง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ระบุว่า มีพยานที่ระบุว่านายเอกพจน์ ได้ลงไปหาหอยกับ น.ส.วาสนา เพียง 2 คน ในท่อลอดถนน หลังจากนั้นได้กลับขึ้นมาเพียงคนเดียว โดยมาล้างตัวที่เปื้อนโคลนที่บริเวณบ้านของพยานก่อนที่จะพยายามว่าจ้างพยาน จำนวน 200 บาท ให้ไปส่งในตัวเมือง แต่พยานระบุว่าเห็นรถจักรยานยนต์จอดอยู่นายเอกพจน์ บอกว่ากุญแจหายก่อนที่จะเดินออกมาจากที่เกิดเหตุหายไปกับความมืดกระทั่งมีคนมาพบศพ
“เมื่อเจ้าหน้าที่สอบประวัตินายเอกพจน์ พบว่า เคยต้องคดียาเสพติด สันนิษฐานว่าในขณะที่ลงไปหาหอยนางรมที่เกาะอยู่ตามผนังท่อคอนกรีต นายเอกพจน์ อาจพยายามประทุษร้ายทางเพศต่อ น.ส.วาสนา แต่เจ้าตัวไม่ยินยอมจนเกิดการต่อสู้กันขึ้นจนถูกฆาตกรรมทิ้งไว้ในท่อ หรืออาจจะทะเลาะด้วยเรื่องบางอย่างแต่เท่าที่ประมวลข้อมูลพบว่า ทั้งคู่สนิทสนมกันดีไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล และติดตามนายเอกพจน์ มาดำเนินคดีต่อไปแล้ว” หน.พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราชระบุ