กระบี่ - นักท่องเที่ยวโวย ป้ายบอกเส้นทางหนีภัยสึนามิ ที่ติดตั้งไว้ที่บริเวณอ่าวมาหยา ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ถูกมือบอนขีดเขียนข้อความทับได้รับความเสียหาย จนมองไม่เห็นสัญลักษณ์เส้นทางหลบภัย วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และเร่งแก้ไขเพื่อสร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว
วันนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวชายหาดอ่าวมาหยา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง หมู่.7 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ว่า ป้ายสัญลักษณ์บอกเส้นทางหนีภัยสึนามิ บนอ่าวมาหยา จำนวนหลายป้าย ถูกมือดีทำลายจนได้รับความเสียหาย โดยพบว่า ป้ายบอกทางหนีสึนามิ บริเวณทางขึ้นเนินเขามีสภาพการถูกขีดเขียนข้อความ ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษจนไม่สามารถมองออกว่าเป็นป้ายอะไร หากมีการเตือนภัยสึนามิขึ้นมา ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถรู้ได้ว่าเส้นทางหนีภัยสึนามิ ไปทางไหน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบด้วย
ด้านผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวเกาะพีพี อ่าวมาหยา รายหนึ่งเปิดเผยว่า ป้ายบอกเส้นทางหลบภัยสึนามิ บนอ่าวมาหยา ถูกติดตั้งไว้ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ธรณีพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปลายปี 2547 เพื่อใช้บอกเส้นทางหลบหนีภัยสึนามิ หากมีการเตือนภัยขึ้นในฝั่งทะอันดามัน แต่ปัจจุบันถูกมือดีขีดเขียนจนเป็นสีฉูดฉาด ไม่สามรถบอกได้ว่า เป็นป้ายอะไร จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและทำการแก้ไข เพราะหากปล่อยไว้ก็จะส่งผลเสียต่อระบบความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยวบนอ่าวมาหยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังติดอันดับโลก
สำหรับอ่าวมาหยา อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่ ที่อยู่ใกล้กับเกาะพีพี เคยมีทีมถ่ายทำหนังฮอลลีวูดมาถ่ายทำเรื่องเดอะบีช บนอ่าวมาหยา เมื่อ 20 ปีก่อน เนื่องจากเป็นอ่าวหาดทรายขาวสวยงาม และน้ำทะเลใส จนเห็นใต้ท้องทะเล แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวบนอ่าวมาหยา จำนวนไม่ต่ำกว่า 1 พันคน
ด้านนายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับป้ายบอกทางหลบภัยสึนามิอยู่ในความดูแลของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้มาทำการติดตั้งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติคลื่นยักษสึนามิพัดถล่มฝั่งอันดามัน เมื่อปี 47 จำนวนนับ 100 ป้าย เพื่อบอกทางหลบภัยสึนามิ ให้แก่นักท่องเที่ยว และชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งปัจจุบัน ได้สูญหาย และถูกทำลายไปจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่เกาะพีพี และเกาะลันตา ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้แจ้งให้ทางศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ รับทราบแล้ว แต่ยังไม่มีการเข้ามาดำเนินการแก้ไข
วันนี้ (15 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวชายหาดอ่าวมาหยา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง หมู่.7 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ว่า ป้ายสัญลักษณ์บอกเส้นทางหนีภัยสึนามิ บนอ่าวมาหยา จำนวนหลายป้าย ถูกมือดีทำลายจนได้รับความเสียหาย โดยพบว่า ป้ายบอกทางหนีสึนามิ บริเวณทางขึ้นเนินเขามีสภาพการถูกขีดเขียนข้อความ ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษจนไม่สามารถมองออกว่าเป็นป้ายอะไร หากมีการเตือนภัยสึนามิขึ้นมา ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถรู้ได้ว่าเส้นทางหนีภัยสึนามิ ไปทางไหน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบด้วย
ด้านผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวเกาะพีพี อ่าวมาหยา รายหนึ่งเปิดเผยว่า ป้ายบอกเส้นทางหลบภัยสึนามิ บนอ่าวมาหยา ถูกติดตั้งไว้ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ธรณีพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปลายปี 2547 เพื่อใช้บอกเส้นทางหลบหนีภัยสึนามิ หากมีการเตือนภัยขึ้นในฝั่งทะอันดามัน แต่ปัจจุบันถูกมือดีขีดเขียนจนเป็นสีฉูดฉาด ไม่สามรถบอกได้ว่า เป็นป้ายอะไร จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและทำการแก้ไข เพราะหากปล่อยไว้ก็จะส่งผลเสียต่อระบบความปลอดภัยของประชาชน และนักท่องเที่ยวบนอ่าวมาหยา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังติดอันดับโลก
สำหรับอ่าวมาหยา อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่ ที่อยู่ใกล้กับเกาะพีพี เคยมีทีมถ่ายทำหนังฮอลลีวูดมาถ่ายทำเรื่องเดอะบีช บนอ่าวมาหยา เมื่อ 20 ปีก่อน เนื่องจากเป็นอ่าวหาดทรายขาวสวยงาม และน้ำทะเลใส จนเห็นใต้ท้องทะเล แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวบนอ่าวมาหยา จำนวนไม่ต่ำกว่า 1 พันคน
ด้านนายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับป้ายบอกทางหลบภัยสึนามิอยู่ในความดูแลของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้มาทำการติดตั้งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติคลื่นยักษสึนามิพัดถล่มฝั่งอันดามัน เมื่อปี 47 จำนวนนับ 100 ป้าย เพื่อบอกทางหลบภัยสึนามิ ให้แก่นักท่องเที่ยว และชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งปัจจุบัน ได้สูญหาย และถูกทำลายไปจำนวนมาก ทั้งในพื้นที่เกาะพีพี และเกาะลันตา ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้แจ้งให้ทางศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ รับทราบแล้ว แต่ยังไม่มีการเข้ามาดำเนินการแก้ไข
