พังงา - ชาวบ้านตำบลกระโสม จ.พังงา คัดค้านทัวร์ช้างริมคลองถ้ำ หวั่นทำน้ำในลำคลองเน่าเสีย พร้อมเผยชาวบ้านใช้น้ำในคลองดำรงชีวิต เชื่อถ้ามีการดำเนินการส่งผลกระทบต่อชาวบ้านโดยรวมอย่างแน่นอน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 พ.ค.) ที่ศาลาหมู่บ้าน ม.2 ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา นายสุวิทย์ ทองญวน ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 พร้อมด้วยนายวัชระศิลป์ ทิพย์ประชา ปลัดอำเภอตะกั่วทุ่ง นายวีระศักดิ์ พวงจิตร กำนัน ต.กระโสม นางจุฑาทิพย์ คงสมบูรณ์ ปลัด อบต.กระโสม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันประชุมรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านในพื้นที่ ม.2 ม.8 ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ที่ได้รับผลกระทบ และเดือดร้อนจากการที่ได้มีกลุ่มนายทุนเข้ามาทำสัญญาเช่าพื้นที่ของวัดสุวรรณคูหา บริเวณป่า และสวนปาล์มริมคลองถ้ำ เพื่อประกอบกิจการทัวร์ช้าง โดยมีชาวบ้านเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
นางภารดี งานดี ชาวบ้าน ม.2 ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา กล่าวว่า ตนและครอบครัวออาศัยอยู่ด้านใต้ของลำคลองถ้ำ ทำให้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการทำทัวร์ช้าง เพราะที่ผ่านมา ตนเองได้ใช้น้ำในลำคลองแห่งนี้ในการอุปโภค ทั้งอาบน้ำ ซักผ้า และล้างถ้วยจาน ซึ่งก่อนที่จะมีผู้ประกอบการทัวร์ช้างมาเช่าพื้นที่ดำเนินการ น้ำในคลองใสสะอาด แต่ตอนนี้พบว่าน้ำในลำคลองเริ่มขุ่น และบ้างครั้งมีขี้ช้างลอยมากับน้ำด้วยแม้ว่าทัวร์ช้างดังกล่าวจะยังไม่เปิดใช้บริการแต่ก็มีการปล่อยช้างลงไปในคลองแล้ว ตนในฐานะชาวบ้านที่ใช้น้ำจากลำคลองในการดำรงชีวิต จึงยอมรับไม่ได้ที่จะให้มีทัวร์ช้างเกิดขึ้นในบริเวณนี้
ขณะที่นายธนิต ศิริกุล ส.อบต.กระโสม ม.8 เปิดเผยว่า คลองถ้ำนี้ ในบริเวณพื้นที่ด้านใต้ลงไปจากที่ทำทัวร์ช้าง มีชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันถึง 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านถ้ำ ม.2 บ้านจีน ม.8 และบ้านบางหมัก ม.7 ที่ผ่านมา ในช่วงหน้าแล้งชาวบ้านก็ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมาโดยตลอดทำให้ต้องพึ่งการใช้น้ำในลำคลองสายนี้ นอกจากนี้ ระบบประปาของหมู่บ้านก็ใช้น้ำดิบจากลำคลองนี้เช่นเดียวกัน ตนจึงไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการเปิดทัวร์ช้างริมคลองแห่งนี้เช่นเดียวกัน
สำหรับการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านในครั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการแสดงความเห็นคัดค้านในประเด็นการได้รับผลกระทบจากน้ำในลำคลอง และส่วนหนึ่งก็ได้แสดงความคิดเห็นว่าทุกโครงการที่เกิดขึ้นในชุมชนจะต้องมีการทำประชาคมของผู้ที่มีส่วนได้เสียให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน ในที่สุด ที่ประชุมก็ได้มีมติให้ผู้ประกอบการเคลื่อนย้ายช้างทั้งหมดออกจากพื้นที่ภายใน 2 วัน หากยังยืนยันต้องการทำต่อก็จะต้องทำประชาคมกับทุกชุมชนที่จะได้รับผลกระทบให้เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม หลังจากประชุมรับฟังความคิดเห็นแล้วเสร็จ ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบสถานที่ที่มีการเช่าพื้นที่เพื่อประกอบธุรกิจทำทัวร์ช้าง พบว่า ส่วนหนึ่งได้เริ่มจัดให้มีการโชว์ช้างแล้ว และพบว่าพื้นที่รอบๆ มีขี้ช้างเกลื่อนอยู่หลายจุด ขณะที่ใบอนุญาตประกอบการก็ยังไม่มี เจ้าหน้าที่จึงกำชับให้เคลื่อนย้ายช้างออกไปจากพื้นที่เสียก่อน
