ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ คาดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ถล่มโรงพักหาดใหญ่ และร้านสะดวกซื้อในย่านชุมชนทั้ง 2 จุด จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ฉุดตัวเลขรายได้เข้าประเทศปีละกว่า 7 พันล้านบาท ให้ตกต่ำลงอย่างแน่นอน จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกอบกู้ภาพลักษณ์ก่อนเศรษฐกิจเมืองชายแดนจะพังทั้งระบบ ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ประเมินความเสียหายด้านทรัพย์สินเบื้องต้นพบว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
จากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องในตัวเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา 2 จุด โดยจุดแรกคือ ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น สาขาถนนพลพิชัย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คนร้ายนำรถจักรยานยนต์ประกอบระเบิดแสวงเครื่องมาจอดไว้หน้าร้านในช่วงเที่ยงก่อนจุดชนวนระเบิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 13 นาฬิกาเศษ แรงระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 8 ราย
และในเวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ ที่ลักลอบนำไปจอดไว้ในลานจอดรถภายในสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ แรงระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย ทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหายจำนวนมาก
นายธีรวุฒิ อ่อนดำ นักวิชาการประจำศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ระบุ เหตุร้ายในครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเมืองหาดใหญ่ และอาจไม่รุนแรงเท่าสถานการณ์ในช่วงปี 2555 แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็สร้างความตื่นตระหนกให้แก่คนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวพอสมควร
“ผลพวงจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินของผู้เคราะห์ร้าย แต่สิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นั่นคือ ความเสียหายทางเศรษฐกิจในจังหวัดสงขลาที่จะตามมา ทั้งในด้านการค้า และการลงทุน รวมไปถึงความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่มักนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในตัวเมืองหาดใหญ่” นายธีรวุฒิ กล่าวและว่า
ข้อมูลสถิติจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา และสำนักนโยบายการออมและการลงทุน พบว่า ปัจจุบัน สงขลา เป็นจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ วัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) โดยมีมูลค่ารวมปี 2556 เท่ากับ 208.81 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.78 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งประเทศ (GDP)
ขณะเดียวกัน ยังเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยวได้ปีละนับล้านคน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปีละนับหมื่นล้านบาท โดยข้อมูลสถิติจากกรมการท่องเที่ยว พบว่า ไตรมาส 4/2556 จังหวัดสงขลา มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวรวม 901.27 พันคน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่ามากถึงปีละ 7.47 พันล้านบาท
“สถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งแก้ไขปัญหา ทำความเข้าใจ และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยในพื้นที่ และกอบกู้ภาพลักษณ์การเป็นศูนย์กลางทางการค้า และการท่องเที่ยวให้กลับมาโดยเร็ว โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ”
นักวิชาการประจำศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ คาดว่าต้องใช้ระยะเวลา 2-3 เดือน กว่าสถานการณ์โดยรวมจะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ในด้านธุรกิจท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน คาดว่าไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท
“แต่หากสถานการณ์โดยรวมเลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจลุกลามกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตลอดจนการค้า และการลงทุนในพื้นที่ทั้งระบบ” นายธีรวุฒิ กล่าว
โดยก่อนหน้านี้ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ประชุมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เสี่ยงอย่างเข้มงวด ขณะที่การประเมินความเสียหายเบื้องต้นพบว่า เหตุระเบิดทั้ง 2 จุด น่าจะสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ และประชาชนที่อาศัยใกล้กับที่เกิดเหตุเป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท