นครศรีธรรมราช - ตร.นครศรีธรรมราช เร่งทำเป้าจับยาบ้าตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้ได้ 150 รายต่อเดือน โดยได้จับกุมหนุ่มวัย 26 ข้อหาค้ายาเสพติด เจอของกลางในรถกว่า 7,000 เม็ด ด้านเจ้าหน้าที่เผยขณะนั่งรถได้กลิ่นยาบ้า แต่ผู้ต้องหาพยายามบ่ายเบี่ยงอ้างเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ พร้อมทั้งยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.การฟอกเงินอีกหลายรายการ
วันนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.โชคดี ศรีเมือง รอง ผกก.สส.กก.สส. พ.ต.ท.ชูยศ จินดานคร สว.สส. คุมตัวนายพรชัย ชูมี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90/74 ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 7,800 เม็ด อาวุธปืนขนาด .38 พร้อมเครื่องกระสุน รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ทะเบียน กท 6554 นครศรีธรรมราช เข้าทำการสอบสวนขยายผลพร้อมด้วยผู้เสพที่เป็นกลุ่มเพื่อนของนายพรชัยอีก 4 ราย
พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า ทางหน่วยได้รับมอบหมายในการกวาดล้างผู้ค้า และผู้เสพยาเสพติดด้วยการปราบปรามจับกุมให้ได้ 150 รายต่อเดือน ซึ่งทุกวันเจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ในส่วนของการจับกุมครั้งนี้เป็นการกวาดล้างผู้เสพเข้ามาทำประวัติด้วยการนำมาตรวจปัสสาวะเพื่อนำไปสู่การบำบัด แต่ปรากฏว่า กลับพบของกลางจำนวนมากอยู่ในรถของนายพรชัย ที่กำลังเตรียมส่งให้ลูกค้า
“ช่วงที่เจ้าหน้าที่เชิญตัว นายพรชัย พร้อมพวกมาตรวจปัสสาวะที่ กก.สส.นั้นเจ้าหน้าที่นั่งมาในรถด้วยพบว่ามีกลิ่นคล้ายยาบ้า แต่นายพรชัย พยายามกลบเกลื่อนว่าเป็นกลิ่น “ลาเวนเดอร์” ที่ใช้ในรถ และเมื่อมาถึงยังกองกำกับการสืบสวน เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นอย่างละเอียดจึงพบยาบ้าบรรจุอยู่ในกระเป๋า 7.8 พันเม็ด อาวุธปืน 1 กระบอก และเมื่อขยายผลทางการสืบสวนพบว่า นายพรชัย เป็นผู้ค้ารายใหญ่ จึงคุมตัวดำเนินคดี และใช้ พ.ร.บ.มาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเข้าทำการยึดทรัพย์ ส่วนผู้เสพอีก 4 รายนั้น ล้วนแต่เคยต้องคดียาเสพติด คดีอาวุธปืน และคดีฆ่าผู้อื่น ซึ่งอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี และพ้นโทษจากเรือนจำแล้ว” ผกก.กก.สส.ภ.นครศรีธรรมราชระบุ
ขณะที่ พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าได้ตั้งแผนยุทธการสายฟ้าล่าอาวุธปืนพบว่า เมื่อได้ยาเสพติดมาจะมีอาวุธปืนแทบทุกราย หลังจากนี้จะวางยุทธการมอบให้แก่สถานีตำรวจในพื้นที่ทั้งหมดตามสภาพพื้นที่ โดยจะกำหนดเป้าหมายในการกวาดล้างจะต้องให้ได้ตามเป้าซึ่งจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่มีความฉับไวในการสืบสวน และเร่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้หนักมากยิ่งขึ้น