ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวบ้านยอมเปิดถนนเทพกระษัตรีทั้งขาเข้า และขาออกแล้ว หลังปิดนานกว่า 8 ชั่วโมง ผู้ว่าฯ ภูเก็ตลงพื้นที่เจรจายอมรับข้อเสนอของชาวบ้านย้าย 4 ตำรวจออกนอกพื้นที่ พร้อมตั้งกรรมการสอบ รับปากนำตำรวจขอโทษวัยรุ่นที่ถูกคุมตัวไปสอบสวน
สำหรับความคืบหน้ากรณีชาวบ้านปิดถนนเทพกระษัตรี ทั้งขาเข้าและขาออกเพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุข่มขืน และชิงทรัพย์สาวท้อง 5 เดือนมาทำแผน ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่คุมตัววัยรุ่นในพื้นที่ไปสอบสวนมาขอโทษชาวบ้านเ พราะเป็นการคุมตัวผิดกลุ่ม เนื่องจากวัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่ใช่คนก่อเหตุ ล่าสุด เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 23 เม.ย. ชาวบ้านยอมเปิดถนนแล้ว หลังนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.พีรยุทธ การเจดีย์ พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.สมชาย สรรประเสริฐ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมเจรจากับญาติของกลุ่มวัยรุ่นที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบปากคำ เพราะสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดีชิงทรัพย์ และข่มขืนสาวท้อง 5 เดือน ก่อนที่จะมีการจับคุมคนร้ายตัวจริงได้ โดยการเจรจาเริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 23 เม.ย. ที่บริเวณอาคารอเนกประสงค์มัสยิดบ้านหมากปรก ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
การเจราจาในครั้งนี้ มีนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ใช้เวลาในการพูดคุยนานประมาณครึ่งชั่วโมง ได้ข้อสรุป ดังนี้ 1.ทางผู้ว่าฯ รับปากที่จะดูแลความปลอดภัยให้แก่กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 3 คน รวมทั้งดูแลความปลอดภัยบ้านพ่อ แม่ และญาติที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ประกอบด้วย 1.ร.ต.ท.อัครพล ศิวิไล รอง สว.สส.ท่าฉัตรไชย 2.ร.ต.ต.มนัส ฝ้ายเพรช รอง สว.(ป.) สภ.ท่าฉัตรไชย 3.จ.ส.ต.แสนศักดิ์ โชติ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าฉัตรไชย และ 4.ส.ต.อ.ยงยุทธ ฤทธิ์ผลัด ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ท่าฉัตรไชย ซึ่งเกี่ยวข้องในการคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นไปสอบสวน ในเบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ย้ายออกนอกพื้นที่แล้วซึ่งมีผลทันที นอกจากนั้นจะมีการเรียกตัวมาสอบสวน และขอโทษผู้เสียหายทั้งหมด รวมทั้งจะให้ อส.เข้ามาดูแลอีกส่วนหนึ่งจนเกิดความมั่นใจในการดำรงชีวิต และข้อสุดท้าย หากเกิดแบบนี้กับชาวบ้านอีกทางผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย จะพิจารณาตัวเอง นายไมตรี กล่าวว่า อยากวิงวอนให้ทุกคนเห็นใจซึ่งกันและกัน และเปิดเส้นทางเข้าออกเพื่อให้รถสามารถสัญจรไปมาได้ ตนเองพร้อมที่จะขอโทษพ่อแม่ของวัยรุ่นทั้ง 3 คน ที่มีเรื่องเกิดขึ้น และพร้อมที่จะกำกับดูแลการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม หลังการเจรจาซึ่งทำท่าว่าจะจบลงด้วยดี ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปยังบ้านของพ่อแม่ของวัยรุ่นที่ถูกคุมตัวไปสอบสวน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดปิดถนนประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ตัวแทนที่เข้าร่วมเจรจากับทางผู้ว่าฯ ได้ออกมาแจ้งต่อทางชาวบ้านที่รวมตัวกันปิดถนนถึงข้อตกลงร่วมกันกับผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมนำหนังสือสั่งย้ายตำรวจทั้ง 4 นาย มายืนยันด้วย แต่หลังจากมีการแจ้งให้ชาวบ้านทราบพบว่า ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่ยอมรับผลการเจรจาดังกล่าว และยืนยันที่จะปิดถนนต่อไปจนกว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย มาขอโทษชาวบ้าน
หลังจากนั้น นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งตำรวจ กำนันในพื้นที่ และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว ได้เจรจากับชาวบ้านอีกครั้งที่บริเวณจุดชุมนุมปิดถนน เพื่อชี้แจงถึงผลการหารือร่วมกับทางญาติ และผู้เกี่ยวข้องถึงแนวทางในการดำเนินการ ซึ่งใช้เวลาในการเจรจา และพูดคุยกับชาวบ้านอีกประมาณ 20 นาที ชาวบ้านที่ชุมนุมปิดถนนจึงยินยอมเปิดถนนทั้ง 2 ฝั่ง คือ ฝั่งขาเข้า และขาออก ในเวลาประมาณ 23.30 น. วันที่ 23 เม.ย.57 อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชาวบ้านกำลังรื้อสิ่งกีดขวางถนนเปิดเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ตามปกติ ปรากฏว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เนื่องจากมีชายวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งกำลังถ่ายภาพกลุ่มผู้ชุมนุมจนเกิดมีปากเสียงกระทบกระทั่งกัน ทำให้ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ทางตำรวจ และกำนัน รวมทั้งชาวบ้านบางส่วนต้องเข้าไปกันตัวออกมา
ขณะที่ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า-ออก ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่กำลังจะเดินทางไปสนามบินภูเก็ตเพื่อขึ้นเครื่องเดินทางกลับประเทศ ไม่สามารถเดินทางไปขึ้นเครื่องบินให้ทันตามเวลาจำนวนมาก เนื่องจากต้องนั่งรออยู่ในรถที่ติดยาวเป็นสิบกิโลเมตร บางคนก็เดินทางมาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งซื้ออาหารรับประทาน และบางรายที่ต้องเดิน และลากกระเป๋าสัมภาระผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อไปขึ้นรถที่ทางบริษัท และทางเจ้าหน้าที่จัดไว้อีกฝั่ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางไปสนามบินแทน นอกจากนั้นบางรายต้องยอมเรียกใช้บริการรถจักรยานยนต์เพื่อให้ไปส่งที่สนามบินเพราะต้องการที่จะเดินทางไปขึ้นเครื่องให้ทัน