รองโฆษก ทบ.แจง “ประยุทธ์” ให้สัมภาษณ์เปรียบตัวเองเป็นลูกจ้างรัฐบาล หมายถึงกองทัพเป็นหน่วยราชการที่มีรูปแบบเฉพาะต่างจากที่อื่น ชี้ ผบ.ทบ.พูดอะไรไม่ถูกใจก็โดนวิจารณ์เสียหาย พยายามอดกลั้นมาตลอด แต่บางครั้งก็ไม่อยากให้มากเกิน วอนสังคมเข้าใจการทำหน้าที่และการวางบทบาทของด้วย
วันนี้ (4 เม.ย.) น.ส.วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารจากบางกอกโพสต์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Wassana Nanuam” ระบุว่า เมื่อเวลา 23.50 น.พันเอก วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีมีบางสื่อหยิบประเด็นการให้สัมภาษณ์ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 2 เม.ย.โดยสื่อได้ถามคำถามเกี่ยวกับ เรื่อง กปปส.เชิญชวนให้ปฏิเสธอำนาจของรัฐบาล ผบ.ทบ.จึงได้ตอบกลับไปในเชิงการตั้งคำถามเปรียบเทียบ จึงนำไปสู่การที่มีบางสื่อได้นำไปตีความหมายเปรียบเทียบกลับในเชิงลบโดยตีความหมายไปเชื่อมโยงกับเรื่องการเมือง
“จึงขอเรียนว่าท่าน ผบ.ทบ.เพียงต้องการสื่อสารให้สังคมเข้าใจว่ากองทัพเป็นหน่วยราชการ ที่มีรูปแบบลักษณะเฉพาะต่างจากทั่วไป ทั้งในเรื่องของระบบสายการบังคับบัญชา เรื่องของการรักษาระเบียบวินัย เรื่องของมารยาทและแบบธรรมเนียมปฏิบัติ
จึงอยากให้สังคมได้เข้าใจลักษณะเฉพาะขององค์กรด้วย โดยเฉพาะการแสดงออกใดๆ จำเป็นต้องระวังให้อยู่ในกรอบของธรรมเนียมปฏิบัติ”
“ที่ผ่านมาเมื่อผู้บัญชาการทหารบก พูดกล่าวอะไรไปก็ตาม ถ้าไม่ตรงใจฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก็มักจะมีการวิพากษ์วิจารณ์โต้กลับผ่านสื่อแบบเสียๆ หายๆ แต่ท่านก็เข้าใจ และพยายามอดทนอดกลั้นมาตลอด แต่บางครั้งก็ไม่อยากให้มากเกินไป ขอให้สังคมได้เข้าใจ การทำหน้าที่และการวางบทบาทของ ผบ.ทบ.และกองทัพบกด้วย”
ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 20.45 น.วันที่ 3 เมษายน ที่สวนลุมพินี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีชุมนุมของ กปปส.ตอนหนึ่งว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเสมือนลูกจ้าง ไม่สามารถลุกขึ้นไล่รัฐบาลซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทได้ จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย
“ผมในฐานะที่ได้ร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ ในปี 52 ปี 53 เห็นว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องพูดความจริง เมื่อเริ่มการชุมนุม สู้เอาแพ้ชนะเลย ไม่เจรจา แต่วันหนึ่งก็ต้องเจรจาเพราะเกรงใจผู้บัญชาการทั้ง 3 เหล่าทัพ สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตนก็ได้อาศัยกองกำลังเหล่าทัพของพวกท่านมาช่วยแก้ปัญหาจนสำเร็จไปได้ด้วยดี เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทำอะไรเลย ทำให้ทหารหลายคนตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับตนจนถึงทุกวันนี้ นี่คือความสัมพันธ์ที่ตน และ พล.อ.ประยุทธ์ทำงานร่วมกัน
“ทหารต้องขมขืนใจ เพราะอดีตพวกมันยิงทหาร แต่ขณะนี้กลับมาเป็นนายกูเสียแล้ว นอกจากนี้ทหารก็ยังมาช่วยเราโดยการตั้งป้อมรอบบริเวณชุมนุม เพื่อป้องกันไม่ให้สมุนทักษิณทำร้ายมวลมหาประชาชน ผมมาชี้แจงตามภาษากำนัน บอกเลยว่า พล.อ.ประยุทธ์ และบรรดาพี่น้องที่เป็นทหารของแผ่นดินและประชาชน ไม่คิดร้ายต่อประชาชนแน่นอน และจำเป็นต้องวางตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จะพูดจาอะไรต้องระวัง แต่ถูกถามทุกวันก็ต้องมีหลุด ถามมาห้าเดือนแล้ว ทหารไม่ใช่นักการเมืองแบบผมที่จะตอบแบบโน้นแบบนี้ได้ ผมขอความเป็นธรรม อย่าเพิ่งรีบตำหนิ
จตุพร ณัฐวุฒิ พวกนี้เสี้ยมเก่ง ขอให้นั่งดูเฉยๆ ไปก่อนว่าเมื่อถึงเวลาเขาตัดสินใจอย่างไร อดใจไว้โยม ดูก่อน สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ผมเชื่อว่าทหารเป็นมิตรกับประชาชนเมื่อถึงเวลา ถ้าผมผิดผมรับผิดชอบเอง ผมการันตี คนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ และแม่ทัพนายกอง ทหารส่วนใหญ่ยืนอยู่ข้างแผ่นดินและความถูกต้อง พี่น้องอดใจดูฉากสุดท้ายตอนจบ ถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำผิดที่ย้ายคุณถวิล (นายถวิล เปลี่ยนศรี) แล้วทหารยังเข้าข้างยิ่งลักษณ์ ผมจะเดินไปหาประยุทธ์คนเดียว ทหารเขารอคำสั่งศาลให้ชัดเจน กราบเรียนพี่น้องอย่าไปตำหนิเพราะเขาจะเสียกำลังใจ รอมาห้าเดือนแล้วรออีกหนึ่งเดือนจะเป็นไรไป เมื่อศาลตัดสินเดตสะมอเร่แน่ๆ” นายสุเทพ กล่าว