ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 8 เผยบทบาทหน้าที่ตำแหน่งใหม่

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 8 คนใหม่ เผยบทบาทการพิจารณาตัดสินคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดเลือกตั้งองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนแล้ว 5 คดี ส่วนคดีอื่นๆ โดยเฉพาะภาค 8 คดีปล้นฆ่ามีมาก แต่ภูเก็ตมีแต่คดีแพ่ง เกี่ยวกับซื้อขายที่ดิน

วันนี้ (17 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสู่บุญ วุฒิวงศ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 8 ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 56 และล่าสุด ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือประธาน กต.กล่าวถึงอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน กำหนดบทบาทอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาตัดสินคดีที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งของสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด และคดีความส่วนใหญ่จะเป็นความผิดในประเด็นที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หาก กกต.ชี้มูลมา ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีอำนาจพิพากษาให้ใบเหลือง ใบแดง ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 จนถึงปัจจุบัน ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาคดีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น จำนวน 5 คดี ครอบคลุมในพื้นที่จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และจังหวัดภูเก็ต

โดยพิจารณาตัดสินคดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว 3 คดี เช่น การเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ที่เกี่ยวข้องกับการขนคนมาลงคะแนน รวมทั้ง อบต.สาคู อำเภอถลาง และกำลังจะพิจารณาตัดสินอีก 2 คดี หรือพิจารณาคดีเดือนละ 1-2 คดี สำหรับคดีอื่นๆ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 8 กล่าวว่า การพิจารณาตัดสินคดีของศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง คู่ความสู้คดีเป็นหลัก หรือคดีอาญาไม่สารภาพ และสู้คดี โดยเฉพาะในคดีปล้นฆ่าในพื้นที่ภาค 8 มีมาก

อย่างไรก็ตาม ในการตัดสินคดีความของศาลอุทธรณ์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ส่วนใหญ่จะเป็นคดีแพ่ง คือ คดีเกี่ยวกับเยาวชน และครอบครัว คดีมรดก คดีสิ่งแวดล้อม คดีคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงคดีการซื้อขายที่ดิน ที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นมาก การแย่งชิงกรรมสิทธิ์ที่ดิน การฟ้องบุคคล หรือนิติบุคคล หุ้นส่วน การผิดสัญญา คดีกู้ยืมเงิน และคู่ความส่วนใหญ่มีทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ เช่น ชาวต่างประเทศแต่งงานกับผู้หญิงไทย และออกนอกประเทศไทย ไม่กลับมาหาอีก คดีที่จังหวัดภูเก็ตมีทุนทรัพย์สูง ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป และในบางคดีมีมูลค่าทรัพย์สินสูง 1,000 ล้านบาท สำหรับสถิติการอุทธรณ์มีคดีต่างๆ 503 เรื่อง

นอกจากนี้ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 8 กล่าวด้วยว่า เมื่อมาดำรงตำแหน่งใหม่ ได้กำหนดระยะเวลาสำหรับการพิจารณาคดีของผู้พิพากษา 53 คน ในแผนกคดีต่างๆ ที่ถือว่าบุคลากรมีเพียงพอทั้งแผนกสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคเลือกตั้ง เยาวชนและครอบครัวของศาลอุทธรณ์ภาค 8 จะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 4 เดือน สำหรับคดีที่ไม่มีความยุ่งยาก และซับซ้อน แต่หากเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์สูง คดีที่มีข้อพิพาท อาจจะไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือนก็ได้ อย่างไรก็ตาม ยังเน้นและกำชับให้ผู้พิพากษาที่ปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องของความละเอียดถี่ถ้วนของการพิจารณาคดีให้ครอบคลุมทั้งข้อเท็จจริงรวมทั้งตัวบทกฎหมายด้วย เพราะในช่วงที่ผ่านมา คู่ความมีการร้องเรียนมา 4-5 เรื่อง เพื่อขอความยุติธรรม และผู้พิพากษา สามารถชี้แจงได้ครบถ้วน ว่า ปฏิบัติไปตามพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงที่กำหนด ตัดสินคดีให้เร็ว ละเอียดถี่ถ้วนถูกต้องในการพิพากษานอกจากนี้ พยายามจ่ายคดีไปล่วงหน้า หรือจ่ายสำนวนทุกวัน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนบุคลากรให้มีประสบการโดยศึกษาดูงานยุติธรรมในกลุ่มประเทศอาเซียน รวมทั้ง สหรัฐอเมริกา และบางประเทศในยุโรปด้วย