ชุมพร - ปตท.สผ.รีบย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมันเผ่นออกจากพื้นที่ปากน้ำหลังสวน หลังถูกชาวประมงนำเรือปิดล้อม สร้างความสบายใจให้แก่ชาวบ้าน และชาวประมงที่ไม่ต้องกังวลถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น
หลังจากมีชาวประมงจำนวนมาก ออกมารวมตัวนำเรือไปปิดล้อมแท่นขุดเจาะสำรวจน้ำมัน ซึ่งเป็นโครงการสัมปทาน NKWN 01 หรือโครงการ 36/27 ของบริษัท ปตท.สผ.สยาม จำกัด ที่นำมาตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันเข้ามาขุดเจาะสำรวจน้ำมัน อยู่ห่างจากฝั่งปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพียง 18 กม.เท่านั้น ซึ่งเป็นแหล่งทำการประมงของชาวบ้าน
โดยก่อนหน้านี้ ชาวประมง และชาวบ้านออกมาประท้วงกันเป็นระยะ จนตัวแทนจาก ปตท.สผ. ออกมารับปากว่าจะเคลื่อนย้ายแท่นขุดน้ำมันออกจากพื้นที่ แต่ก็ผัดผ่อนยืดเยื้อยื้อเวลาเรื่อยมานานหลายเดือน จนชาวประมงสุดทน ต้องนำเรือออกไปปิดล้อมรอบๆ แท่นขุดเจาะสำรวจน้ำมัน เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา โดยนายวิรัตน์ ปิยะพันธ์ วิศวกรการเรือ ฝ่ายส่งกำลังบำรุงและสนับสนุนปฏิบัติการ บริษัท ปตท.สผ. จำกัด (มหาชน) ได้ลงมารับหนังสือข้อเรียกร้อง และยืนยันต่อแกนนำชาวประมงว่า จะปิดหลุม และเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะออกจากพื้นที่ให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 13 เมษายน 2557 นี้อย่างแน่นอน ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (12 เม.ย.) นายพัลลภ ลิ่มสกุล เจ้าหน้าที่อาวุโส ส่งเสริมองค์กรสัมพันธ์สายงานสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ได้เชิญตัวแทนจากภาครัฐ และชาวประมงพื้นบ้านออกไปเป็นพยานดูการเคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะน้ำมัน โดยใช้เรือขนาดใหญ่ 2 ลำ ชักลากจูงแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ได้เอาฐานยึดแท่นใต้น้ำออกแล้ว ทำให้แท่นขุดเจาะดังกล่าวมีลักษณะเหมือนเรือลอยน้ำ ออกไปจากพื้นที่ โดยได้ย้ายไปไว้ที่บริเวณฐานพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งสัมปทานขุดเจาะน้ำมันของ ปตท.สผ. ที่อยู่ห่างจากทางตอนใต้ของเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 20 ไมล์
ด้าน นายณัฐพงษ์ แหลมเพชร ประธานสภาเทศบาลตำบลปากน้ำหลังสวน กล่าวว่า ตนและชาวประมง รวมทั้งชาวบ้านทุกคนมีความสบายใจอย่างยิ่งที่ทาง ปตท.สผ. ทำตามสัญญา และไม่ยื้อเวลาเหมือนที่ผ่านมา เพราะขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่ อ.หลังสวน เกิดความแตกแยกขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเป็น 2 ฝ่าย โดยมีผู้นำชุมชน นักการเมืองบางคน และประชาชนส่วนหนึ่งที่เห็นด้วยโดยให้เหตุผลว่า เป็นเพียงการขุดเจาะสำรวจ มีระบบควบคุมที่ดีมีมาตรฐานสากล จึงไม่น่าจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และท้องถิ่นจะมีความเจริญ ในขณะที่ฝายไม่เห็นด้วยไม่มีความไว้วางใจกลุ่มทุนพลังงาน และมองว่าหากปล่อยให้มีการขุดเจาะสำรวจน้ำมันจะทำให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง และมีกลุ่มทุนพลังงานเข้ามาอยู่ในพื้นที่ จะส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ตามมาในระยะยาว
ขณะที่ นายคุณาพงศ์ คำหงส์ ชาวประมงพื้นบ้านเรือไดหมึก เปิดเผยว่า เมื่อประมาณต้นเดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมา ขณะที่ตน และชาวประมงพื้นบ้านออกทำประมงจับปลากันตามปกติ ได้มีเรือขนาดใหญ่บรรทุกแท่นขุดเจาะน้ำมันมาจอดทอดสมอหน้าอ่าวปากน้ำหลังสวน ตอนแรกๆ ก็ไม่คิดอะไรเพียงเข้าใจว่าจอดพักเรือ แต่จู่ๆ ก็มีการนำเอาแท่นขุดเจาะน้ำมันลงในทะเลแล้วติดตั้งฐานใต้แท่นอย่างมั่นคง ทำให้ชาวประมงพื้นบ้านต้องออกรวมตัวกันประท้วงเนื่องจากทราบข้อมูลแน่ชัดว่าเป็นแท่นขุดเจาะน้ำมันเป็นของ ปตท.สผ. ที่กำลังจะทำการขุดเจาะน้ำมันหน้าอ่าวปากน้ำหลังสวน
“การกระทำของ ปตท.สผ. ถือว่าไม่โปร่งใส เพราะชาวประมงไม่ทราบมาก่อนหน้านี้เลยว่าในพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งหากินของพวกเรา จะมีการขุดเจาะสำรวจน้ำมัน ทางบริษัทฯ ไม่เคยมาประสานพูดคุย หรือชี้แจงให้ชาวประมงได้ทราบแม้แต่ครั้งเดียว แต่ที่ผ่านมาเห็นมีเพียงกรมพลังงานเชื้อเพลิง และบริษัท ปตท. เข้ามาจัดกิจกรรมมอบปะการังเทียม ผ่านสมาคมชาวประมง แล้วนำไปทิ้งในทะเลเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นาน ปตท.สผ. กลับนำแท่นมาขุดเจาะน้ำมันมาตั้งห่างจากฝั่งปากน้ำหลังสวนเพียง 18 กม. แล้วขุดเจาะลึกลงไปใต้ชั้นดินประมาณ 20 กิโลเมตร เพื่อสำรวจหาน้ำมันย่อมส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำเป็นอย่างมาก ชาวประมงจึงต้องรวมตัวกันออกมาประท้วงในครั้งนี้” นายคุณาพงศ์กล่าว