ปัตตานี - แม่ทัพ 4 ย้ำแผน รปภ.3 จว.ใต้ช่วงสงกรานต์เข้มข้น 24 ชม. เรียก ผบ.หน่วยมากำชับตรวจเช็กกล้องวงจรปิด พร้อมเตรียมจัดแผนป้องกันกดดันกลุ่มก่อความไม่สงบ เน้นหนักยุทธศาสตร์เชิงรุกปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย
วันนี้ (10 เม.ย.) ที่หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ตลอดจนติดตามผลความคืบหน้าในการปฏิบัติงานด้านยุทธศาสตร์ และการปราบรามกลุ่มก่อความไม่สงบ อีกทั้งยังได้มีการกำชับให้เพิ่มมาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในห้วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ พล.ท.วลิต แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะที่เพิ่งมารับตำแหน่งแม่ทัพได้ไม่นาน ยังได้ร่วมหารือกับผู้บังคับหน่วยกำลัง 3 ฝ่าย ถึงแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพมากขึ้น เพื่อให้สามารถดำเนินมาตรการต่างๆ ควบคู่กันได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังให้ทุกหน่วยให้ความสำคัญในการตรวจเช็กกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ และจะดำเนินการติดตั้งเพิ่มเติมหากพื้นที่ไหนต้องเพิ่มกล้องวงจรปิด และเสี่ยงที่อาจจะเกิดเหตุร้าย
รวมไปถึงการจัดแผนออกป้องกันกดดันกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งจากการข่าวพบว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีการออกมาเคลื่อนไหวเตรียมการก่อเหตุในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเป้าหมายหลักที่เป็นเจ้าหน้าที่รวมถึงเป้าหมายอ่อนแอ โดยขั้นต้นได้สั่งการ และกำชับให้ทุกหน่วยเริ่มเปิดแผนและมาตรการเฝ้าระวังเหตุร้ายต่างๆ ป้องกันกลุ่มก่อความไม่สงบที่อาจอาศัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้
พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ได้นำนโยบายของ ผบ.ทบ.ที่ได้มอบหมายให้ตนลงพื้นที่กำชับผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงการวางแผนมาตราการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ หลังเกิดเหตุลอบวางระเบิด จ.ยะลา เมื่อวันที่ 6 และ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะเน้นหนักในเรื่องยุทธศาสตร์เชิงรุกปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายอย่างเข้มข้นเพื่อกดดัน และจับกุมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบตามหมายจับให้ได้
พร้อมทั้งได้มีการเสริมกำลังร่วม 3 ฝ่าย เป็นแนวป้องกันพื้นที่เมืองทั้ง 3 จังหวัด รวมไปถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งถือเป็นพื้นที่เป้าหมายในการก่อเหตุ พร้อมยังกำชับจุดตรวจจุดสกัดให้เฝ้าระวังรถยนต์ต้องสงสัย จำนวน 36 คัน ที่คนร้ายอาจจะดัดแปลง และซุกวัตถุระเบิดมาก่อเหตุ เหมือนที่ จ.ยะลา
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากนี้หน่วยกำลังร่วมจะใช้ยุทธวิธีการปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และประชาชนจะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงจะต้องวางกำลังคุ้มเข้มตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่
