ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีลูกเรือประมงไทย “ส.นาฎยา 7” ฆ่า 2 นายทหารอินโดฯ เสียชีวิตก่อนโยนศพลงทะเล เผยคดีคืบไปกว่าแล้วร้อยละ 90 ทั้งยังได้ออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 7 ราย กำชับสืบสวนด้วยความรัดกุม ด้านอินโดฯ เผยพอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่
วันนี้ (26 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 อ.เมือง จ.สงขลา พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประชุมตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีลูกเรือประมง “ส.นาฎยา 7” สังหารทหารเรืออินโดนีเซีย 2 นาย และทิ้งศพกลางทะเลน่านน้ำอินโดนีเซีย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ลงพื้นที่ จ.สงขลาเพื่อติดตามคดีมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งการประชุมมี นายเจสัน หวังกา เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิธีการกงสุล และตรวจคนเข้าเมืองประจำสถานกงสุลอินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นตัวแทนจากสถานกงสุลอินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลา มาเข้าร่วมประชุมเพื่อรับทราบความคืบหน้าของคดีด้วย
ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.จักรทิพย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีนี้ว่า ผลการสืบสวนสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ เรื่องของการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 90 ซึ่งยังเหลืออีกบางส่วนที่จะต้องเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมเพราะเป็นคดีใหญ่ และมีเอกสารมากที่จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และทางหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ขอขยายเวลาออกไปอีก 3 วัน เพื่อความรอบคอบ
ส่วนอีกประเด็นคือ การติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ขณะนี้ยังรอหนังสือจากทางสถานทูตอินโดนีเซีย ส่งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อแปล และส่งกลับมาให้แก่ทีมสอบสวนประกอบสำนวนคดี และยังต้องรอหลักฐานเพิ่มเติมบางส่วนจากทางอินโดนีเซีย เช่น ดีเอ็นเอของทหารที่เสียชีวิตทั้ง 2 นาย รวมทั้งรูปถ่ายเพื่อมาเปรียบเทียบกับผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานบนเรือว่าตรงกันหรือไม่ ทั้งนี้ ได้เร่งรัดให้ทีมสืบสวนสอบสวนเร่งดำเนินการ ซึ่งหากล่าช้าก็อาจจะต้องพิจารณาข้อบกพร่อง แต่จากรายงานความคืบหน้าขณะนี้เป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะทางฝ่ายอินโดนีเซียซึ่งได้ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดพอใจต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่
ด้าน พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒชัย ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้ยังติดขัดในบางเรื่องโดยเฉพาะยังหาศพของทหารทั้ง 2 นายไม่พบ และยังรอการตรวจพิสูจน์ยืนยันว่าดีเอ็นเอที่พบบนเรือตรงกับทหารที่หายไปหรือไม่ ส่วนการดำเนินคดีต่อลูกเรือนั้นแยกออกเป็น 2 ประเด็นคือ การดำเนินคดีหลักในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นต้องรอจนกว่าจะพบศพ และผลตรวจดีเอ็นเอตรงกัน และเรื่องความผิดฐานรองซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายไทยซึ่งแยกออกเป็น 3 ส่วนคือ ความผิดเข้าออกราชอาณาจักรไม่ถูกต้อง นำเรือออกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และบุคคลที่ไม่ได้ร่วมกระทำผิดแต่อยู่บนเรือซึ่งต้องดำเนินคดีด้วย
ผบก.ภ.จว.สงขลา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการออกหมายจับลูกเรือ “ส.นาฎยา 7” ไปแล้ว 12 คน และควบคุมตัวตามหมายจับไว้แล้ว 1 คน อีก 2 คนกันไว้เป็นพยาน ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวน และรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งคาดว่าน่าจะหลบหนีลงไปกับเรือประมง โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อประสานเจ้าของเรือเพื่อให้นำตัวกลับมา