นครศรีธรรมราช - พบซากโลมาหัวบาตร ยาวกว่า 2 เมตร หนักกว่า 40 กก. เกยตื้นตายริมชายหาดสิชล นครศรีธรรมราช เป็นตัวที่ 7 ในรอบ 1 เดือน ชาวประมงเชื่อสาเหตุจากการกินก้อนน้ำมันบริเวณชายหาดที่มาจากแท่นขุดเจาะกลางอ่าวไทย ด้านศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลเตรียมเก็บซากวิเคราะห์สาเหตุการตาย
วันนี้ (21 มี.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายพิทักษ์ บริพิตร นายอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งจากชาวประมงว่า พบซากโลมาหัวบาตรหลังเรียบ ยาวเกือบ 2 เมตร น้ำหนักกว่า 40 กิโลกรัมถูกคลื่นซัดมาติดหาดนศรี หมู่ที่ 5 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช หลังจากนั้นจึงประสานกับนายสันติ นิลวัฒน์ หัวหน้าศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลสงขลา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
โดยเมื่อเข้าทำการตรวจสอบพบว่า สภาพชายหาดมีก้อนคราบน้ำมันเกยหาดอยู่ตลอดแนว และโลมาตัวนี้นับเป็นตัวที่ 7 ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา และเป็นตัวที่ 4 ในรอบสัปดาห์โดยตัวที่ 6 นั้นพบเมื่อวานนี้ ที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ห่างจากจุดพบตัวที่ 7 ไปราว 30 กิโลเมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เข้ามาเก็บซากเพื่อไปพิสูจน์ถึงสาเหตุการตาย
นายสันติ นิลวัฒน์ หัวหน้าศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลสงขลา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยจะนำไปผ่าพิสูจน์ และเก็บตัวอย่างไปวิเคราะห์หาสาเหตุการตายโดยจะมีการวิเคราะห์สารประกอบประเภทโลหะหนัก หรือสารประเภทไฮโดรคาร์บอน เพื่อสรุปสาเหตุคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะรู้ผลถึงสาเหตุของการตายของโลมาอย่างต่อเนื่องถึง 7 ตัวแล้ว
“โลมาสายพันธุ์นี้เป็นโลมาสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลกในตระกูลโลมา และตัวที่พบเป็นตัวเต็มวัย เพศเมียอายุประมาณ 10 ปี เนื่องจากพบว่าฟันของโลมาตัวนี้เริ่มมีสภาพสึกกร่อนแล้ว ส่วนน้ำหนักนั้นประมาณ 40 กก. โลมาประเภทนี้จะอาศัยอยู่ตลอดแนวอ่าวไทยรวมตัวกันอยู่เป็นฝูง มีตั้งแต่ฝูงละ 5-10 ตัว และอาจมีกลายสิบตัวได้” นายสันติกล่าว
ขณะที่นายอภิชิต เพิ่มพาณิช ชาวประมงตำบลทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช แสดงความเชื่อมั่นว่าสาเหตุการตายของโลมาตัวนี้เกิดจากการการกินก้อนน้ำมันที่ถูกพัดมาติดชายหาดตลอดแนวจังหวัดนครศรีธรรมราช และเชื่ออีกว่าที่มาของก้อนน้ำมันดังกล่าวจะมาจากแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางอ่าวไทยในภาคใต้ตอนล่างที่มีแนวลมพัดมาในทิศทางเดียวกัน หากเดินเรือออกไปจากสิชลตั้งเข็มไปที่ 90 จะพบว่ามีแท่นขุดเจาะอยู่ในแนวนี้พอดี
