นราธิวาส - “เวทีเสวนา กอ รมน.ภ.4 สื่อสันติสุข” อนุกรรมการยุทธศาสตร์สิทธิมนุษย์ชน ชี้ “ถวิล” เลขาฯ สมช. ตัวถ่วงเจรจาสันติภาพ นำความมั่นคงเล่นการเมืองบนความตายของคน จชต.
วันนี้ (18 มี.ค.) ที่ห้องประชุมริมน้ำ อ เมือง จ.นราธิวาส กองอำนวยการความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้จัดเวทีเสวนา สื่อกับการสันติสุข โดยมีสื่อมวลชนในพื้นที่ทุกแขนง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งฝ่ายปกครอง และระดับผู้บังคับการ ตำรวจ และทหาร กว่า 150 คน เข้าร่วมเวทีเสวนา โดยมีวิทยากรให้ความรู้ ประกอบด้วย พ.อ.ชินวัฒน์ แม้นเดช รอง ผบ.พล 15 และรองผู้อำนวยการศูนย์สันติสุข นายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ อนุกรรมการยุทธศาสตร์สิทธิมนุษยชน ภาคใต้ และนายอายุป ปาทาน บรรณาธิการศูนย์เฝ้าระวัง Deep South Watch ทั้งนี้ เพื่อเป็นการนำเสนอทางออกในการเสริมสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่
นายประสิทธิ์ อนุกรรมการยุทธศาสตร์สิทธิมนุษย์ชน กล่าวว่า การสร้างความสันติสุขจำเป็นที่จะต้องมีทุกฝ่ายเข้ามาร่วมการแก้ไขปัญหา เพราะปัญหาในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ ปัญหาความไม่มั่นคงเกิดขึ้นมานาน และสลับซับซ้อน ต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการแก้ปัญหา เพราะหากการแก้ปัญหาที่ผิดพลาดจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้เป็นเงื่อนไขในการก่อเหตุความรุนแรงได้
กล่าวคือ ฝ่ายรัฐ หรือฝ่ายไหนไม่ควรใช้วิธีการตอบโต้ทางออกด้วยความรุนแรง ควรใช้วิธีการเจรจาหาทางออกด้วยสันติวิธี ซึ่งฝ่ายที่เห็นต่างกับภาครัฐได้ส่งสัญญาณเพื่อเปิดเจรจาสันติภาพอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องเชื่อมั่นในกระบวนการสร้างสันติภาพ รวมถึงการรับฟังและแก้ปัญหาต่อผู้เห็นต่าง หรือกลุ่มติดอาวุธ เช่น กลุ่มบีอาร์เอ้น พูโล หรือกลุ่มอื่นๆ ทังนี้ สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนภาคใต้นั้นส่วนหนึ่งมาจากฝีมือกลุ่มก่อความไม่สงบ การแก้แค้นเจ้าหน้าที่ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และกลุ่มผลประโยชน์
แต่ในส่วนของนายถวิล เปลี่ยนสี ที่จะมีรับตำแหน่งเลขาธิการ สมช.นั้น ตนมองว่า นายถวิล ชอบให้สัมภาษณ์ และให้ข่าวสื่อหลายครั้ง ว่า ไม่เจรจาสันติภาพกับโจร ซึ่งถือเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ความคิดของนายถวิล และความมีอคติต่อการแก้ปัญหา ทั้งที่มีประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก แต่ยังนำเรื่องความมั่นคงไปเล่นการเมือง ซึ่งถ้าเป็นในลักษณะนี้กระบวนการสานต่อเจรจาสันติภาพจะหยุดชะงักอย่างแน่นอน การหยุดเข่นฆ่าป่วนใต้รายวัน อยากที่จะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น
ด้านนายอายุป ปาทาน บก.สื่อสันติภาพ ศูนย์เฝ้าระวัง หรือ Deep South Watch กล่าวว่า ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบต่อเนื่อง 10 ปี มีคนเสียชีวิตในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ยอดประมาณ 6,000 คน บาดเจ็บกว่า 1 หมื่นกว่าคน ปัญหาหน่วยไม่ใช่เป็นการนำเสนอของสื่อข่าวลักษณะความรุนแรง แต่ต้องมองศักยภาพการทำงานความมั่นคงในพื้นที่ รวมถึงนโยบายรัฐบาลที่ไม่ต่อเนื่องของรัฐไทย แม้ว่าทางการประเทศที่เป็นกลาง มาเลเซีย ยังมั่นคงเป็นตัวแทนเจรจากับผู้เห็นต่าง
ในส่วนการปัจจัยปัญหาความไม่สงบ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองในพื้นที่ คงไม่สามารถที่จะหยุดเหตุความรุนแรงรายวันได้เพียงอย่างเดียว และหน่วยกำลังจำเป็นเป็นต้องปรับการทำสงครามข้อมูลข่าวสารให้ทันสมัย และทันท่วงที การใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ด้วย จะเห็นว่าการต่อสู้ด้านการข่าว หรือการปฏิบัติการตอบโต้ข่าว คนร้ายได้นำมาใช้อย่างต่อเนื่อง แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังล้าช้า และตามหลังฝ่ายตรงข้ามอีกหลายก้าว จำเป็นที่จะจึงต้องปรับในส่วนนี้ด้วย และเปิดวิสัยทัศน์ให้กว้างมากขึ้น เพื่อเปิดพื้นที่ให้แก่ผู้เห็นต่างมากขึ้น
