ปัตตานี - ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และรองประธานกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย เผยประเทศซาอุดีอาระเบียได้ปรับปรุงขยายมัสยิดหะรอม และการเวนคืนอาคารที่พักรอบมัสยิดหะรอมยังไม่แล้วเสร็จ จึงกำหนดปรับลดจำนวนผู้แสวงบุญจากประเทศต่างๆ ลงร้อยละ 20 ในปี 2557 จัดสรรจำนวนผู้แสวงบุญให้แก่ประเทศไทยได้เท่ากับปีที่ผ่านมาคือ 10,400 คน
วันนี้ (10 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยได้ส่งคณะผู้แทนไทยไปประชุมเตรียมการฮัจญ์ ประจำปี 2557 กับกระทรวงฮัจญ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2557โดยมีนายอรุณ บุญชุม ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยนั้น
นายปรีชา กันธิยะ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม รองประธานกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้แจ้งให้ทุกประเทศทราบว่า เนื่องจากการปรับปรุงขยายมัสยิดหะรอม และการเวนคืนอาคารที่พักรอบมัสยิดหะรอมยังไม่แล้วเสร็จ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จึงกำหนดให้ปรับลดจำนวนผู้แสวงบุญจากประเทศต่างๆ ลง ร้อยละ 20 และปรับลดผู้แสวงบุญภายในประเทศลง ร้อยละ 50 ตั้งแต่เทศกาลฮัจญ์ ประจำปี 2556 จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ ดังนั้น ในปี 2557 จึงจัดสรรจำนวนผู้แสวงบุญให้แก่ประเทศไทยได้เท่ากับปีที่ผ่านมาคือ 10,400 คน
ซึ่งภายหลังจากการเจรจาเสร็จสิ้น มีผลการประชุมเป็นที่น่าพอใจ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงร่วมกันที่จะนำข้อเสนอแนะของแต่ละฝ่ายมาพัฒนาปรับปรุงการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อให้พี่น้องมุสลิมได้ไปประกอบพิธีฮัจญ์อย่างถูกต้อง สมบูรณ์ตามหลักศาสนา ได้รับความสะดวกทั้งในเรื่องการเดินทาง อาหาร ที่พัก และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะได้มีการประชาสัมพันธ์ข่าวสารกิจการฮัจญ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องมุสลิมได้รับทราบต่อไป
ทางด้าน นายกฤษศญพงษ์ศิริ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรมการศาสนาในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ได้เตรียมนำข้อสรุปที่ได้จากการเจรจาเตรียมการฮัจญ์ กับประเทศซาอุดีอาระเบีย พร้อมกับเรื่องการจัดสรรโควตาผู้แสวงบุญ ประจำปี 2557 เข้าที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณา และดำเนินการในขั้นตอนต่อไป แต่เนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2556 การดำเนินงานต่างๆ ต้องมีการนำเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อทราบ หรือเห็นชอบก่อนดำเนินการตามมติของคณะกรรมการฯ และกรมการศาสนาจึงได้เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อขอความเห็นชอบในการจัดประชุมคณะกรรมการฯ ดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยได้พิจารณาจัดสรรผู้ที่ได้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประจำปี 2557 แล้ว กรมการศาสนาจะประกาศรายชื่อ และประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องมุสลิมทราบผ่านทางเว็บไซต์ www.hajthailand.net ต่อไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0-2422-8795-6
ทั้งนี้ อธิบดีกรมการศาสนาได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินการกิจการฮัจญ์ภายใต้กำกับดูแลของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย มุ่งพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พี่น้องมุสลิมได้เดินทางไปประกอบฮัจญ์ด้วยความมั่นใจ และปลอดภัย ซึ่งการดำเนินงานกิจการฮัจญ์ที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชนต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือการเผยแพร่ข่าวสารกิจการฮัจญ์มาด้วยดีเสมอมา ตนจึงขอขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องมา ณ โอกาสนี้
วันนี้ (10 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยได้ส่งคณะผู้แทนไทยไปประชุมเตรียมการฮัจญ์ ประจำปี 2557 กับกระทรวงฮัจญ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2557โดยมีนายอรุณ บุญชุม ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยนั้น
นายปรีชา กันธิยะ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม รองประธานกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศซาอุดีอาระเบีย ได้แจ้งให้ทุกประเทศทราบว่า เนื่องจากการปรับปรุงขยายมัสยิดหะรอม และการเวนคืนอาคารที่พักรอบมัสยิดหะรอมยังไม่แล้วเสร็จ ประเทศซาอุดีอาระเบีย จึงกำหนดให้ปรับลดจำนวนผู้แสวงบุญจากประเทศต่างๆ ลง ร้อยละ 20 และปรับลดผู้แสวงบุญภายในประเทศลง ร้อยละ 50 ตั้งแต่เทศกาลฮัจญ์ ประจำปี 2556 จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ ดังนั้น ในปี 2557 จึงจัดสรรจำนวนผู้แสวงบุญให้แก่ประเทศไทยได้เท่ากับปีที่ผ่านมาคือ 10,400 คน
ซึ่งภายหลังจากการเจรจาเสร็จสิ้น มีผลการประชุมเป็นที่น่าพอใจ โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงร่วมกันที่จะนำข้อเสนอแนะของแต่ละฝ่ายมาพัฒนาปรับปรุงการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อให้พี่น้องมุสลิมได้ไปประกอบพิธีฮัจญ์อย่างถูกต้อง สมบูรณ์ตามหลักศาสนา ได้รับความสะดวกทั้งในเรื่องการเดินทาง อาหาร ที่พัก และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะได้มีการประชาสัมพันธ์ข่าวสารกิจการฮัจญ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พี่น้องมุสลิมได้รับทราบต่อไป
ทางด้าน นายกฤษศญพงษ์ศิริ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรมการศาสนาในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย ได้เตรียมนำข้อสรุปที่ได้จากการเจรจาเตรียมการฮัจญ์ กับประเทศซาอุดีอาระเบีย พร้อมกับเรื่องการจัดสรรโควตาผู้แสวงบุญ ประจำปี 2557 เข้าที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณา และดำเนินการในขั้นตอนต่อไป แต่เนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2556 การดำเนินงานต่างๆ ต้องมีการนำเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อทราบ หรือเห็นชอบก่อนดำเนินการตามมติของคณะกรรมการฯ และกรมการศาสนาจึงได้เสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อขอความเห็นชอบในการจัดประชุมคณะกรรมการฯ ดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ เมื่อคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทยได้พิจารณาจัดสรรผู้ที่ได้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประจำปี 2557 แล้ว กรมการศาสนาจะประกาศรายชื่อ และประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องมุสลิมทราบผ่านทางเว็บไซต์ www.hajthailand.net ต่อไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0-2422-8795-6
ทั้งนี้ อธิบดีกรมการศาสนาได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินการกิจการฮัจญ์ภายใต้กำกับดูแลของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจญ์แห่งประเทศไทย มุ่งพัฒนาคุณภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พี่น้องมุสลิมได้เดินทางไปประกอบฮัจญ์ด้วยความมั่นใจ และปลอดภัย ซึ่งการดำเนินงานกิจการฮัจญ์ที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชนต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือการเผยแพร่ข่าวสารกิจการฮัจญ์มาด้วยดีเสมอมา ตนจึงขอขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องมา ณ โอกาสนี้
