สุราษฎร์ธานี - ศึกชิงนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) เทศบาลตำบลคลองปราบ ในวันอาทิตย์ที่ 2 มี.ค.มีกลุ่มการเมือง 2 กลุ่มลงชิงชัย คอการเมืองฟันธงดุเดือด เข้มข้น สูสี ผู้ท้าชิงมาแรงหวังล้มแชมป์เก่า แต่ก็ต้องสู้กันจนหืดขึ้นคอ
นายทวีศักดิ์ ศิลปพรหมมาส ปลัดเทศบาลตำบลคลองปราบ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ในฐานะ ผอ.กกต. ประจำเทศบาลตำบลคลองปราบ เผยว่า ตามที่ กกต. ประจำ จ.สุราษฎร์ธานี มีมติเห็นชอบให้มีการประกาศเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) เทศบาลตำบลคลองปราบ ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 มี.ค.ที่จะถึงนี้ โดยกำหนดวันรับสมัครระหว่างวันที่ 27-31 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มการเมือง 2 กลุ่มลงสมัครรับเลือกตั้ง คือ กลุ่มคลองปราบก้าวหน้า นำโดย นายสุกิจจา สถิตเสถียร ผู้ท้าชิงพร้อมด้วยทีมผู้บริหาร ได้หมายเลข 1 พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล หรือ ส.ท. ครบทั้ง 2 เขตๆ ละ 6 คน จำนวน 12 คน ได้หมายเลข 1-6 และกลุ่มคลองปราบพัฒนา แชมป์เก่า นำโดย นายสมหมาย หนูศรีแก้ว พร้อมทีมผู้บริหาร ได้หมายเลข 2 ส่วนผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล หรือ ส.ท. ทั้ง 2 เขตๆ ละ 6 คน จำนวน 12 คน ได้หมายเลข 7-12 โดยไม่มีผู้สมัครอิสระ
นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทาง กกต.ประจำเทศบาลตำบลคลองปราบ มีความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะผ่านการเตรียมตัว และประชุมการอบรมเจ้าหน้าที่ การเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงงบประมาณในการดำเนินการ เรามีพร้อมทุกอย่าง คาดว่าเมื่อถึงวันเลือกตั้งจะดำเนินการได้เรียบร้อยสมบูรณ์เป็นไปตามที่ได้วางแผนไว้ โดยได้ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิในการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดจำนวนประมาณ 2,870 คน เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแข่งขันกันสูงมี 2 ทีมร่วมชิงชัย ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงยกฐานะจาก อบต.คลองปราบมาเป็นเทศบาลตำบลคลองปราบ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2556 ทำให้ประชาชนมีความตื่นตัวที่จะออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้อย่างมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายสุกิจจา เบอร์ 1 ผู้ท้าชิงนั้นเคยร่วมทีมผู้บริหารกับทีมแชมป์เก่า ส่วนการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้แยกมาตั้งกลุ่มการเมืองของตนเองเพื่อลงชิงชัย พร้อมดึงทีมผู้บริหารและ ส.ท.จากทีมแชมป์เก่ามาเข้าร่วมส่วนหนึ่ง โดยมีสโลแกนหาเสียงว่า เทศบาลตำบลน่าอยู่ เรียนรู้ร่วมกัน สร้างสรรค์สังคม ชุมชนเข้มแข็ง ร่วมแรงพัฒนา นำพาสู่อาเซียน โดยกลยุทธ์หาเสียงนั้นจะเดินเคาะประตูบ้านเพื่อเรียกคะแนนเสียง สลับกับการปราศรัยเพื่อโชว์นโยบายต่างๆ ซึ่งตรงกับความต้องการของท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ศาสนา และศิลปวัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น การส่งเสริมกีฬา การส่งเสริมอาชีพ การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เป็นต้น
ส่วนนายสมหมาย แชมป์เก่า เบอร์ 2 นั้น มีสโลแกนหาเสียงว่า สานต่องานเกิน ทำเพิ่มงานใหม่ ตั้งใจพัฒนา เพื่อพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ นายสมหมาย เคยดำรงตำแหน่งสมัยเป็นนายก อบต. คลองปราบมา 3 สมัยๆ ละ 4 ปี รวม 12 ปี และเคยดำรงตำแหน่งเป็นกำนันตำบลคลองปราบ อีก 16 ปี จัดว่ามีฐานเสียงที่ปึ้กมานาน การหาเสียงจะเดินตามชุมชนต่างๆ สลับกับเปิดเวทีปราศรัย พร้อมโชว์นโยบายต่างๆ ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกๆ ด้าน ตามความต้องการของท้องถิ่น พร้อมวอนขอโอกาสประชาชนเพื่อนำเทศบาลตำบลคลองปราบสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
สำหรับคอการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ลงความเห็นตรงกันว่า ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ดุเดือด เข้มข้น สูสี เพราะมีเพียง 2 ทีมร่วมลงชิงชัย โดยศักยภาพผู้เสนอตัวลงแข่งขันไม่ว่าจะเป็นทีมบริหาร และ ส.ท. ทั้ง 2 ทีมนั้นใกล้เคียงกันอย่างมาก ส่วนกระแสตอบรับของผู้ท้าชิงที่ใช้กลยุทธ์ต้องการให้เปลี่ยน ด้วยเหตุผล หยุดการผูกขาดทางการเมือง “ถึงเวลาต้องเปลี่ยน” ในช่วงหาเสียงโค้งสุดท้ายนี้ค่อนข้างมาแรงได้กระแสการตอบรับจากชาวบ้านพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม ทางแชมป์เก่านั้นมีฐานเสียงที่ปึ้กมานาน ถ้าจะโค่นลงได้คงหืดขึ้นคอ
อย่างไรก็ตาม ภายในวันที่ 2 มี.ค. นี้คงได้รู้กันว่าใครจะได้เลือกให้มารับใช้ประชาชนเพื่อเข้าไปทำหน้าที่นายกเทศมนตรี และ ส.ท. เทศบาลตำบลคลองปราบ
นายทวีศักดิ์ ศิลปพรหมมาส ปลัดเทศบาลตำบลคลองปราบ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ในฐานะ ผอ.กกต. ประจำเทศบาลตำบลคลองปราบ เผยว่า ตามที่ กกต. ประจำ จ.สุราษฎร์ธานี มีมติเห็นชอบให้มีการประกาศเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) เทศบาลตำบลคลองปราบ ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 มี.ค.ที่จะถึงนี้ โดยกำหนดวันรับสมัครระหว่างวันที่ 27-31 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มการเมือง 2 กลุ่มลงสมัครรับเลือกตั้ง คือ กลุ่มคลองปราบก้าวหน้า นำโดย นายสุกิจจา สถิตเสถียร ผู้ท้าชิงพร้อมด้วยทีมผู้บริหาร ได้หมายเลข 1 พร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล หรือ ส.ท. ครบทั้ง 2 เขตๆ ละ 6 คน จำนวน 12 คน ได้หมายเลข 1-6 และกลุ่มคลองปราบพัฒนา แชมป์เก่า นำโดย นายสมหมาย หนูศรีแก้ว พร้อมทีมผู้บริหาร ได้หมายเลข 2 ส่วนผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาล หรือ ส.ท. ทั้ง 2 เขตๆ ละ 6 คน จำนวน 12 คน ได้หมายเลข 7-12 โดยไม่มีผู้สมัครอิสระ
นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทาง กกต.ประจำเทศบาลตำบลคลองปราบ มีความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะผ่านการเตรียมตัว และประชุมการอบรมเจ้าหน้าที่ การเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงงบประมาณในการดำเนินการ เรามีพร้อมทุกอย่าง คาดว่าเมื่อถึงวันเลือกตั้งจะดำเนินการได้เรียบร้อยสมบูรณ์เป็นไปตามที่ได้วางแผนไว้ โดยได้ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิในการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดจำนวนประมาณ 2,870 คน เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแข่งขันกันสูงมี 2 ทีมร่วมชิงชัย ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงยกฐานะจาก อบต.คลองปราบมาเป็นเทศบาลตำบลคลองปราบ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2556 ทำให้ประชาชนมีความตื่นตัวที่จะออกมาใช้สิทธิในการเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้อย่างมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายสุกิจจา เบอร์ 1 ผู้ท้าชิงนั้นเคยร่วมทีมผู้บริหารกับทีมแชมป์เก่า ส่วนการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้แยกมาตั้งกลุ่มการเมืองของตนเองเพื่อลงชิงชัย พร้อมดึงทีมผู้บริหารและ ส.ท.จากทีมแชมป์เก่ามาเข้าร่วมส่วนหนึ่ง โดยมีสโลแกนหาเสียงว่า เทศบาลตำบลน่าอยู่ เรียนรู้ร่วมกัน สร้างสรรค์สังคม ชุมชนเข้มแข็ง ร่วมแรงพัฒนา นำพาสู่อาเซียน โดยกลยุทธ์หาเสียงนั้นจะเดินเคาะประตูบ้านเพื่อเรียกคะแนนเสียง สลับกับการปราศรัยเพื่อโชว์นโยบายต่างๆ ซึ่งตรงกับความต้องการของท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ศาสนา และศิลปวัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น การส่งเสริมกีฬา การส่งเสริมอาชีพ การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เป็นต้น
ส่วนนายสมหมาย แชมป์เก่า เบอร์ 2 นั้น มีสโลแกนหาเสียงว่า สานต่องานเกิน ทำเพิ่มงานใหม่ ตั้งใจพัฒนา เพื่อพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ นายสมหมาย เคยดำรงตำแหน่งสมัยเป็นนายก อบต. คลองปราบมา 3 สมัยๆ ละ 4 ปี รวม 12 ปี และเคยดำรงตำแหน่งเป็นกำนันตำบลคลองปราบ อีก 16 ปี จัดว่ามีฐานเสียงที่ปึ้กมานาน การหาเสียงจะเดินตามชุมชนต่างๆ สลับกับเปิดเวทีปราศรัย พร้อมโชว์นโยบายต่างๆ ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกๆ ด้าน ตามความต้องการของท้องถิ่น พร้อมวอนขอโอกาสประชาชนเพื่อนำเทศบาลตำบลคลองปราบสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
สำหรับคอการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ลงความเห็นตรงกันว่า ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ดุเดือด เข้มข้น สูสี เพราะมีเพียง 2 ทีมร่วมลงชิงชัย โดยศักยภาพผู้เสนอตัวลงแข่งขันไม่ว่าจะเป็นทีมบริหาร และ ส.ท. ทั้ง 2 ทีมนั้นใกล้เคียงกันอย่างมาก ส่วนกระแสตอบรับของผู้ท้าชิงที่ใช้กลยุทธ์ต้องการให้เปลี่ยน ด้วยเหตุผล หยุดการผูกขาดทางการเมือง “ถึงเวลาต้องเปลี่ยน” ในช่วงหาเสียงโค้งสุดท้ายนี้ค่อนข้างมาแรงได้กระแสการตอบรับจากชาวบ้านพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม ทางแชมป์เก่านั้นมีฐานเสียงที่ปึ้กมานาน ถ้าจะโค่นลงได้คงหืดขึ้นคอ
อย่างไรก็ตาม ภายในวันที่ 2 มี.ค. นี้คงได้รู้กันว่าใครจะได้เลือกให้มารับใช้ประชาชนเพื่อเข้าไปทำหน้าที่นายกเทศมนตรี และ ส.ท. เทศบาลตำบลคลองปราบ