สุราษฎร์ธานี - อำเภอพระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เตรียมจัดงาน “มหกรรมพระแสงรำลึก วันที่ 20 ก.พ.นี้ รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานรถแทรกเตอร์ แคตเตอร์ พิลลาร์ รุ่น “บุลโดเซอร์ ดี 4” ให้ 1 คัน เมื่อตุลาคม 2511 เพื่อไว้ใช้ทำการบุกเบิกพัฒนาพื้นที่ และเส้นทางคมนาคมของอำเภอพระแสงที่ทุรกันดารมากๆ
นายจิรศักดิ์ ชัยฤทธิ์ นายอำเภอพระแสง จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า “พระแสง” เป็นอำเภอเก่าแก่ของ จ.สุราษฎร์ธานี เดิมขึ้นอยู่กับมณฑลนครศรีธรรมราช ครั้นเมื่อปี พ.ศ.2449 ทางราชการได้โอน อ.พระแสง มาขึ้นกับเมืองไชยา คำว่า “พระแสง” นั้น ตามตำนานโบราณเล่าว่า ในสมัยที่ อ.พระแสงขึ้นกับมณฑลนครศรีธรรมราช ทางราชการได้ส่ง “พระแสงภิรมย์” เพื่อดูแลความทุกข์สุขของราษฎร ทำการบุกเบิกแผ้วถางเพื่อสร้างที่ว่าการอำเภอ โดยให้ราษฎรช่วยกันตัดไม้ ขุดดิน ปรากฏว่าได้ขุดพบดาบเล่มหนึ่ง มีลักษณะไม่เหมือนดาบธรรมดา แต่มีลักษณะเป็นดาบของกษัตริย์ จึงได้นำดาบเล่มนั้นมาประดิษฐานไว้บนที่ว่าการอำเภอ และได้ขนานนามอำเภอว่า “พระแสง” แต่นั้นมา ต่อมา พระแสงดาบเล่มนี้จะถูกส่งไปอยู่ ณ ที่ใดไม่ปรากฏหลักฐาน
เนื่องจากอำเภอพระแสงสภาพพื้นที่ค่อนข้างทุรกันดาร พาหนะใช้เรือยนต์หางยาวอย่างเดียว ไม่มีถนนหนทาง เมื่อปี พ.ศ.2511 องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้เสด็จมาเยี่ยมราษฎร อ.พระแสง และได้พระราชทานรถแทรกเตอร์ แคตเตอร์ พิลลาร์ รุ่น “บุลโดเซอร์ ดี 4” ไว้ 1 คัน สำหรับบุกเบิกพัฒนาพื้นที่เส้นทางคมนาคม ซึ่งนับเป็นลำธารแห่งการพัฒนา และในวันนี้ผ่านมาประมาณ 46 ปี ที่พสกนิกรชาว อ.พระแสง ได้รับรถแทรกเตอร์พระราชทานสำหรับบุกเบิกพัฒนาพื้นที่ ขณะที่รถแทรกเตอร์พระราชทานปัจจุบันนั้นมีสภาพเก่าจากการพัฒนาพื้นที่มาโชกโชน จึงนำไปตั้งไว้ที่อนุสรณ์สถานแทรกเตอร์พระราชทาน ที่สร้างไว้บริเวณสามแยกไสนา หมู่ 1 บ้านย่านดินแดง ต.อิปัน
นายจิรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทุกๆ ปีหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนในพื้นที่ได้ร่วมจัดงาน “มหกรรมพระแสงรำลึก” ขึ้นบริเวณหน้าที่ว่าการ อ.พระแสง ซึ่งปีนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ การจัดงานดังกล่าวเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานรถแทรกเตอร์ แคตเตอร์ พิลลาร์ รุ่น “บุลโดเซอร์ ดี 4” ให้ 1 คัน เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2511 เพื่อไว้ใช้ทำการบุกเบิกพัฒนาพื้นที่ และเส้นทางคมนาคม
นอกจากนี้ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเมืองพระแสง รวมถึงพระคุณของปูชนียบุคคล คือ “พระเจ้าวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต” ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพ ยกย่อง บูชาของชาวพระแสงมาโดยตลอดยาวนาน เพราะก่อนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จทุกครั้งพระเจ้าวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ทรงมาตรวจเยี่ยมแล้วรายงานความเป็นอยู่ของราษฎรให้ทรงทราบก่อนล่วงหน้า
ขณะที่กิจกรรมภายในงานนั้นจะมีการแสดงแสง สี เสียง ย้อนรอยประวัติศาสตร์อำเภอพระแสง การจัดนิทรรศการผลผลิตทางการเกษตรของส่วนราชการและเอกชน การแสดงการจัดลานประเพณีวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชาวพระแสง และการแสดงบนเวทีของนักเรียน และกลุ่มแม่บ้านจากตำบลต่างๆ ที่หมุนเวียนนำวิถีชีวิตพื้นบ้านมาแสดงให้เยาวชนรุ่นหลังได้เป็นแบบอย่าง และร่วมกันอนุรักษ์สืบสานวิถีท้องถิ่นให้คงอยู่คู่อำเภอพระแสงต่อไป เป็นต้น
นายจิรศักดิ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ในวันที่ 16 ก.พ 2557 นี้ ได้มีพิธีถวายพวงมาลา “วันวิภาวดี” เพื่อบำเพ็ญกุศลถวายพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ ณ บริเวณลานพระรูปจำลองพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ณโรงพยาบาลพระแสง ตั้งแต่เวลา 08.30-11.30 น.