ชุมพร - บาปกรรมตามทัน! สองสามีภรรยารถพลิกคว่ำ กู้ภัยพาส่ง รพ.หมอพบมียาบ้า และยาไอซ์ซุกกางเกงใน เบื้องต้นสามีปฏิเสธไม่รู้เห็นหลังภรรยาเสียชีวิตจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
วันนี้ (19 ก.พ.) ร.ต.ท.บรรจง ศักดิ์พิมล ร้อยเวร สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ ที่ถนนสายเอเชีย 41 หมู่ที่ 11 ต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร จึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุริมถนนสายเอเชีย 41 หลัก กม.ที่ 57 ช่องทางขาขึ้น พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง รุ่นดีแมคซ์ ทะเบียน กจ 2835 ชุมพร ในสภาพพังยับเยิน โดยด้านข้างคนขับอัดติดกับต้นไม้ ภายในรถมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ 2 ราย ทราบชื่อคือ นายชัยเชษฐ์ แป้นทอง อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 79/8 หมู่ที่ 4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร เป็นคนขับ และนางปรัชญาภรณ์ ชัยฤทธิ์ อายุ 24 ปี ทั้งสองเป็นสามีภรรยาอยู่บ้านเดียวกัน แต่ฝ่ายหญิงอาการสาหัสมีบาดแผลฉกรรจ์ตามร่างการหลายแห่ง หน่วยกู้ภัยได้นำร่างผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ส่งโรงพยาบาลหลังสวน
เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้รีบนำร่างของ นางปรัชญาภรณ์ ที่เลือดท่วมตัว เข้าห้องไอซียูเพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน ปรากฏว่าขณะที่แพทย์พยาบาลกำลังให้การรักษาบาดแผล และได้ถอดกางเกงในของนางปรัชญาภรณ์ ออกมา พบมีซองพลาสติกซ่อนอยู่ภายในกางเกงใน 2 ซอง เป็นซองพลาสติกสีแดงกับสีน้ำเงิน เมื่อแกะออกมาดูภายในมีเป็นยาเสพติดจำนวนมากจึงรีบแจ้งตำรวจไปสอบสวน
หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก. สภ.หลังสวน พ.ต.ท.สิชา พูลวงศ์ รอง ผกก.สส. ได้นำกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบ พบว่า ซองพลาสติกสีน้ำเงิน มียาบ้าเม็ดสีส้มอยู่จำนวน 200 เม็ด และซองพลาสติกสีแดง มียาไอซ์ บรรจุอยู่ 5.90 กรัม มูลค่าประมาณ 300,000 บาท เจ้าหน้าที่สอบสวน นายชัยเชษฐ์ สามีซึ่งบาดเจ็บไม่มากนัก ให้การปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นกับยาเสพติดจำนวนดังกล่าว โดยให้การเพียงว่า ตนเองกับภรรยาไปทำธุระที่ จ.พังงา ขากลับใกล้จะถึงบ้านพักรถเกิดเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ ทำให้ภรรยาตนถูกอัดติดภายในรถจนบาดเจ็บสาหัส และมีหน่วยกู้ภัยพาส่งโรงพยาบาล โดยไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่รู้ว่ายาเสพติดมาอยู่ในตัวภรรยาตนได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ต่อมา นางปรัชญาภรณ์ ที่อาการหนักไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้ และเสียชีวิตลง หลังจากแพทย์ได้พยายามยื้อชีวิตอย่างเต็มที่ เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหา นายชัยเชษฐ์ แต่อย่างใด เพียงลงบันทึกประจำวันพบของกลางยาบ้า และยาไอซ์ไว้เป็นหลักฐานตามที่ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลเท่านั้น ซึ่งจะต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัดก่อนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะแจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (19 ก.พ.) ร.ต.ท.บรรจง ศักดิ์พิมล ร้อยเวร สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ ที่ถนนสายเอเชีย 41 หมู่ที่ 11 ต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร จึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุริมถนนสายเอเชีย 41 หลัก กม.ที่ 57 ช่องทางขาขึ้น พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง รุ่นดีแมคซ์ ทะเบียน กจ 2835 ชุมพร ในสภาพพังยับเยิน โดยด้านข้างคนขับอัดติดกับต้นไม้ ภายในรถมีผู้บาดเจ็บติดอยู่ 2 ราย ทราบชื่อคือ นายชัยเชษฐ์ แป้นทอง อายุ 30 ปี บ้านเลขที่ 79/8 หมู่ที่ 4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร เป็นคนขับ และนางปรัชญาภรณ์ ชัยฤทธิ์ อายุ 24 ปี ทั้งสองเป็นสามีภรรยาอยู่บ้านเดียวกัน แต่ฝ่ายหญิงอาการสาหัสมีบาดแผลฉกรรจ์ตามร่างการหลายแห่ง หน่วยกู้ภัยได้นำร่างผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ส่งโรงพยาบาลหลังสวน
เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้รีบนำร่างของ นางปรัชญาภรณ์ ที่เลือดท่วมตัว เข้าห้องไอซียูเพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน ปรากฏว่าขณะที่แพทย์พยาบาลกำลังให้การรักษาบาดแผล และได้ถอดกางเกงในของนางปรัชญาภรณ์ ออกมา พบมีซองพลาสติกซ่อนอยู่ภายในกางเกงใน 2 ซอง เป็นซองพลาสติกสีแดงกับสีน้ำเงิน เมื่อแกะออกมาดูภายในมีเป็นยาเสพติดจำนวนมากจึงรีบแจ้งตำรวจไปสอบสวน
หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก. สภ.หลังสวน พ.ต.ท.สิชา พูลวงศ์ รอง ผกก.สส. ได้นำกำลังชุดสืบสวนไปตรวจสอบ พบว่า ซองพลาสติกสีน้ำเงิน มียาบ้าเม็ดสีส้มอยู่จำนวน 200 เม็ด และซองพลาสติกสีแดง มียาไอซ์ บรรจุอยู่ 5.90 กรัม มูลค่าประมาณ 300,000 บาท เจ้าหน้าที่สอบสวน นายชัยเชษฐ์ สามีซึ่งบาดเจ็บไม่มากนัก ให้การปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นกับยาเสพติดจำนวนดังกล่าว โดยให้การเพียงว่า ตนเองกับภรรยาไปทำธุระที่ จ.พังงา ขากลับใกล้จะถึงบ้านพักรถเกิดเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ ทำให้ภรรยาตนถูกอัดติดภายในรถจนบาดเจ็บสาหัส และมีหน่วยกู้ภัยพาส่งโรงพยาบาล โดยไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่รู้ว่ายาเสพติดมาอยู่ในตัวภรรยาตนได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ต่อมา นางปรัชญาภรณ์ ที่อาการหนักไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้ และเสียชีวิตลง หลังจากแพทย์ได้พยายามยื้อชีวิตอย่างเต็มที่ เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหา นายชัยเชษฐ์ แต่อย่างใด เพียงลงบันทึกประจำวันพบของกลางยาบ้า และยาไอซ์ไว้เป็นหลักฐานตามที่ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลเท่านั้น ซึ่งจะต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัดก่อนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะแจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
