นครศรีธรรมราช - ผู้ว่าฯ นครศรีฯ พร้อมพุทธศาสนิกชนร่วมจัดพิธีกวนข้าวมธุปายาส ซึ่งเชื่อว่าเป็นอาหารทิพย์ โอสถขนานเอกบันดาลความสำเร็จ และสืบสานประเพณี ความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา เนื่องในวันมาฆบูชา
วันนี้ (13 ก.พ.)บรรยากาศในการเตรียมเข้าสู่วันมาฆบูชาของพุทธศาสนิกชน ได้เริ่มขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีกวนข้าวมธุปายาสหรือข้าวยาคู ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จัดขึ้นเนื่องในงานประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติที่เมืองนคร” ประจำปี 2557
เพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามและความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยจัดให้มีพิธีต่างๆ ตามแบบโบราณ ได้แก่ พิธีบวงสรวงพระบรมธาตุเจดีย์ตามแบบพิธีพราหมณ์ พิธีทางพุทธศาสนา พิธีเจิมและทัดดอกไม้ให้กับสาวพรหมจารี จำนวน 27 คน ที่เข้าร่วมพิธีกวนข้าวมธุปายาส มีหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้าประชาชน นักเรียน นักศึกษา และพุทธศาสนิกชนที่แต่งกายด้วยชุดสีขาวเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก โดยแบ่งกระทะสำหรับกวนข้าวยาคู จำนวน 9 ชุด ใช้ไม้ฟืนเป็นวัสดุเชื้อเพลิง โดยใช้เวลาในการกวนประมาณ 8 - 10 ชั่วโมง ซึ่งข้าวยาคูที่กวนเสร็จแล้วจะมีการนำไปถวายพระ และแจกจ่ายให้แก่พุทธศาสนิกชนในวันที่ 14 ก.พ. เริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
ขณะเดียวกัน ที่สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ชมรมรักบ้านเกิดร่วมกับเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ประกอบพิธีกวนข้าวมธุปายาส 12 ปีนักษัตร 12 กระทะ สืบสานประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นและเพื่อความเป็นสิริมงคล อีกทั้งเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคีของหมู่คณะ โดยมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเข้าร่วมพิธีกวนข้าวมธุปายาสตามปีนักษัตรของตัวเอง ซึ่งข้าวมธุปายาสที่กวนเสร็จแล้วจะมีการแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในวันที่ 13 ก.พ. เวลา 17.00 น. ที่สวนสาธารณะศรีธรรมาโศกราช
สำหรับพิธีกวนข้าวมธุปายาส หรือข้าวยาคู เป็นพิธีการหนึ่งในงานประเพณี “มาฆบูชา แห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติที่เมืองนคร” ประจำปี 2557 ของ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้ปฏิบัติต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกปี ข้าวยาคูหรือที่ชาวนครฯ เรียกว่า ข้าวยาโค ในพุทธประวัติเรียกว่า ข้าวมธุปายาส เป็นข้าวทิพย์ที่นางสุชาดา บุตรีกฏุมพี มหาเศรษฐีแห่งบ้านเสนานิคม ต.อุรุเวลา ประเทศอินเดียในสมัยพุทธกาล จัดปรุงขึ้นแล้วนำไปถวายพระมหาบุรุษก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากพระองค์ได้เสวยข้าวมธุปายาสของนางสุชาดา แล้ว ก็ได้ทรงบรรลุอภิสัมโพธิญาณในย่ำรุ่งของคืนนั้นเอง ชาวบ้านจึงเชื่อว่าข้าวมธุปายาสเป็นอาหารทิพย์ช่วยให้สมองดี เกิดปัญญาแก่ผู้บริโภค ทำให้ผิวพรรณผ่องใส อายุยืนยาว และเป็นโอสถขนานเอก บันดาลความสำเร็จให้แก่ผู้บริโภคด้วย
การกวนข้าวมธุปายาสในปัจจุบันนิยมทำกันในวันขึ้น 13 และ 14 ค่ำ เดือนสาม ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ข้าวในนากำลังออกรวงเป็นน้ำนมข้าว เพราะน้ำนมข้าวเป็นเครื่องปรุงสำคัญ โดยใช้วัดเป็นสถานที่กวนข้าวมธุปายาส เพราะว่าวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวไทยตลอดมา สำหรับเครื่องปรุงข้าวมธุปายาสนอกจากน้ำนมข้าวแล้ว มีส่วนประกอบอื่นๆ มากกว่า 50 ชนิด มีทั้งพวกพืชผล พืชสมุนไพร ผลไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่น เช่น ขนุน ทุเรียน จำปาดะ เงาะ พุทรา กล้วย มะละกอ ข้าวโพด ฟักทอง ถั่วลิสงคั่ว เผือก มันเทศ น้ำผึ้งรวง น้ำตาลทราย พริกไทย กานพลู ขิง ข่า งา มะพร้าว เป็นต้น
