ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสมาชิก รัฐสภา คณะ “การศึกษาติดตาม และประเมินผลขบวนการสันติภาพ จังหวัดชายแดนภาคใต้” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เผยพูดคุยสันติภาพแบบเปิดเผยเป็นไปได้ยาก แต่พูดคุยทางลับได้ผล ล่าสุด นำตัวประธานเบอร์ซาตูกลับบ้าน เพราะใช้วิธีการพูดคุยแบบ “ใต้ดิน”
วันนี้ (27 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมเก้าแสน โรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีการสัมมนารับฟังความคิดเห็น เรื่อง การพูดคุยสันติภาพ เพื่อดับไฟใต้ ซึ่งเป็นการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมาธิการวิสามัญ วุฒิสมาชิก รัฐสภา คณะ “การศึกษาติดตาม และประเมินผลขบวนการสันติภาพ จังหวัดชายแดนภาคใต้” ซึ่งมี พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ เป็นประธาน โดยมีตัวแทนของ กอ.รมน. ศอ.บต. มหาดไทย และผู้แทนธุรกิจการค้า การท่องเที่ยว เช่น สภาอุตสาหกรรม หอการค้า และการท่องเที่ยว รวมทั้งภาคประชาสังคมเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น
โดย พล.ต.ชรินทร์ อมรแก้ว รองแม่ทัพภาคที่ 4 และรอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้กล่าวถึงบทบาทของ กอ.รมร.ภาค 4 ส่วนหน้ากับการพูดคุยสันติภาพ ว่า โดยข้อเท็จจริง ทหารทำหน้าที่การพูดคุยกับกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่พูดคุยกับขบวนการพูโล จนนำมาซึ่งการวางอาวุธ และออกมารายงานตัวเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และการพูดคุยกับโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา จนสุดท้ายโจรคอมมิวนิสต์มาลายา ยอมยุติการสู้รบ และออกมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และนับแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ที่เกิดเหตุรุนแรงทหารก็ทำการพูดคุยในทางลับกับกลุ่มขบวนการผู้เห็นต่างทั้งใน และนอกประเทศมาโดยตลอด เพียงแต่เป็นการพูดคุยทางลับ และไม่นำมาเปิดเผย ไม่เหมือนกับที่ สมช. ดำเนินการอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ในสิ่งที่ สมช.ดำเนินการซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล กองทัพ โดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เห็นด้วย และสนับสนุน
สำหรับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นั้น จากการที่พูดคุยในทางลับกับกลุ่มต่างๆ ทั้งใน และนอกประเทศ จนนำมาสู่โครงการพาคนกลับบ้านได้ส่งผลดี คือ มีแกนนำ และแนวร่วมที่เห็นต่าง และหลงผิดเข้ารายงานตัวต่อ กอ.รมน. เป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดคือการที่ ดร.วันการ์เดร์ เจะมาน อดีตหัวหน้าขบวนการบีไอพีพี และหัวหน้าขบวนการเบอร์ซาตู เดินทางจากประเทศมาเลเซีย กลับมายัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดหลังจากที่ได้ออกจากประเทศไทยกว่า 30 ปี คือความสำเร็จของการพูดคุยในทางลับที่เกิดขึ้น
สำหรับเรื่องการพูดคุยสันติภาพที่จะดำเนินต่อไปนั้น รองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ยังต้องใช้เวลาในการพูดคุย เพราะขบวนการมีหลายกลุ่ม และแต่ละกลุ่มแต่ละขบวนการไม่มีความเป็นเอกภาพ มีความเห็นที่แตกต่าง บางกลุ่มต้องการใช้การพูดคุยเพื่อยุติความรุนแรง แต่บางกลุ่มต้องการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มีการปรับแผน ปรับยุทธวิธีในการป้องกัน และตรวจค้นจับกุมต่อไป แต่การปฏิบัติการของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะเน้นต่อกลุ่มก่อการร้ายจะไม่ให้กระทบต่อคนในพื้นที่อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะในห้วงเวลาของการเลือกตั้ง ก่อนจะถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะมีการเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติการ ทั้งทางด้านการข่าว การเมือง และการทหารมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันแนวร่วมก่อเหตุร้ายต่อหน่วยเลือกตั้ง และต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีหน้าที่ในการปฏิบัติงานในการเลือกตั้ง
