นครศรีธรรมราช - ศูนย์ราชการ 7 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ยังปิดทำการต่อเนื่อง ขณะที่ญาติภูมิลำเนาเดิมของ “สุทิน ธราทิน” เดินทางเข้าร่วมงานศพที่วัดโสมนัส หมดแล้ว
วันนี้ (27 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา กปปส.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยมวลชนจำนวนมาก ได้เดินสายรณรงค์ปิดสถานที่ราชการ หรือชัตท์ดาวน์นครศรีธรรมราช รีสตาร์ทประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง จนมีการปิดทำการศูนย์ราชการไปเกือบทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช เว้นหน่วยงานราชการที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชม. โดยล่าสุด ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 27 ม.ค.ศูนย์ราชการใน 7 อำเภอ ยังคงปิดทำการ ประกอบด้วย อำเภอปากพนัง เชียรใหญ่ หัวไทร พระพรหม ฉวาง ทุ่งสง และร่อนพิบูลย์ ขณะที่อีกหลายอำเภอได้ร่วมกันประสานกับกลุ่ม กปปส.ขอเปิดทำการก่อนเพื่อให้ข้าราชการเข้าสะสางงานจำเป็นเร่งด่วน และพร้อมที่จะปิดอีกครั้งหากมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
วันเดียวกัน ที่บ้านเลขที่ 44/1 ม.1 ต.ควนเกย อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของ นายสุทิน ธราทิน ปรากฏว่า บ้านหลังดังกล่าวถูกปิดเงียบ ขณะที่บ้านของเครือญาติที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงต่างถูกปิดเงียบเช่นเดียวกัน เนื่องจากต่างเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพ นายสุทิน ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. และในเวลา 19.00 น.จะมีพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นคืนแรก
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายสุทิน ได้ไปทำงานในกรุงเทพมหานครเมื่อหลายปีก่อนหลายปีจึงจะกลับมาที่ร่อนพิบูลย์ เพื่อเยี่ยมบ้านเกิด หลังจากที่เข้า กทม.ได้ไปตั้งรกรากโดยการไปซื้อบ้านอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 119/143 ม.1 ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี สมรสกับ น.ส.กนิษฐา ด้วงอินทร์ ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ จ.อุตรดิตถ์
วันนี้ (27 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา กปปส.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยมวลชนจำนวนมาก ได้เดินสายรณรงค์ปิดสถานที่ราชการ หรือชัตท์ดาวน์นครศรีธรรมราช รีสตาร์ทประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง จนมีการปิดทำการศูนย์ราชการไปเกือบทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช เว้นหน่วยงานราชการที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชม. โดยล่าสุด ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 27 ม.ค.ศูนย์ราชการใน 7 อำเภอ ยังคงปิดทำการ ประกอบด้วย อำเภอปากพนัง เชียรใหญ่ หัวไทร พระพรหม ฉวาง ทุ่งสง และร่อนพิบูลย์ ขณะที่อีกหลายอำเภอได้ร่วมกันประสานกับกลุ่ม กปปส.ขอเปิดทำการก่อนเพื่อให้ข้าราชการเข้าสะสางงานจำเป็นเร่งด่วน และพร้อมที่จะปิดอีกครั้งหากมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
วันเดียวกัน ที่บ้านเลขที่ 44/1 ม.1 ต.ควนเกย อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของ นายสุทิน ธราทิน ปรากฏว่า บ้านหลังดังกล่าวถูกปิดเงียบ ขณะที่บ้านของเครือญาติที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงต่างถูกปิดเงียบเช่นเดียวกัน เนื่องจากต่างเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพ นายสุทิน ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. และในเวลา 19.00 น.จะมีพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นคืนแรก
อย่างไรก็ตาม มีรายงานเพิ่มเติมว่า นายสุทิน ได้ไปทำงานในกรุงเทพมหานครเมื่อหลายปีก่อนหลายปีจึงจะกลับมาที่ร่อนพิบูลย์ เพื่อเยี่ยมบ้านเกิด หลังจากที่เข้า กทม.ได้ไปตั้งรกรากโดยการไปซื้อบ้านอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 119/143 ม.1 ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี สมรสกับ น.ส.กนิษฐา ด้วงอินทร์ ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ จ.อุตรดิตถ์